คดีผู้บริโภค
สวัสดีค่ะ
เนื่องจากหนูซื้อบ้านจัดสรรจากผู้ประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดิน เมื่อรับโอนแล้ว ภายหลังพบความชำรุดบกพร่องมากมาย และเรียกให้ผู้ขายมาแก้ไข แต่ก็ไม่ยอมรีบเข้ามาดำเนินการ ทำให้หนูทนไม่ไหว และไม่ได้รับสินค้าโปรโมชั่นภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา จึงเป็นโจทก์ฟ้องคดีกับผู้ประกอบการ โดยให้เจ้าพนักงานคดีช่วยร่างฟ้องให้ ฐานความชำรุดบกพร่อง และไม่ปฎิบัติตามสัญญา เรียกค่าเสียหายจากการที่บ้านชำรุดบกพร่อง(ซึ่งเป็นความชำรุดบกพร่องที่เกิดขึ้นภายหลังการรับโอนบ้านแล้ว และไม่สามารถเห็นได้ในขณะส่งมอบ)
แต่คดีนี้จะว่าหนูแพ้ก็ว่าได้ เพราะศาลให้ค่าเสียหายหนูน้อยมาก ทั้งๆที่ฝ่ายจำเลยเอาเปรียบหนูทุกอย่าง โดยศาลให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่สามารถสืบให้เห็นได้ถึงราคาความเสียหายที่เป็นจริง และเมื่อมีความชำรุดบกพร่องก็สามารถจ้างคนอื่นให้ซ่อมแทนได้ แต่โจทก์ไม่ได้ทำจึงไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายตามฟ้องได้ ส่วนสินค้าโปรโมชั่นจำเลยได้ส่งมอบถูกต้องแล้ว แม้จะไม่ได้ส่งภายในระยะเวลาและตามรุ่นที่ระบุในสัญญาก็ตาม
1. หนูไม่เข้าใจว่า หนูเป็นผู้บริโภคทำไมหนูต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสียหายว่ามีเท่าไหร่ หนูจะเอาเงินจากไหนมาจ้างวิศวกรประเมินราคา หรือจ้างวิศวกรมาเบิกความ เหมือนกับจำเลย (นี่หรือคดีผู้บริโภค?)
2. เมื่อบ้านเกิดความชำรุดบกพร่องและมีการแจ้งซ่อมภายในระยะเวลาประกันภัยแล้ว กลับไม่ได้รับความคุ้มครอง โดยจำเลยอ้างว่าโจทก์มีการต่อเติมบ้าน ซึ่งข้อนี้หนูมองว่าข้อยกเว้นความรับผิด ไม่น่าจะอยูเหนือกฎหมายได้ ไม่ว่าตามปพพ. หรือตามกฎหมายจัดสรรที่ดิน
3.สินค้าโปรโมชั่น หนูได้อ้างภาพราคาสินค้าที่ส่งมอบว่าถูกกว่าที่ระบุไว้ (ไม่ได้ระบุตัวเลขราคาที่ชัดเจน) แต่ฝ่ายจำเลยไม่มีหลักฐานว่าได้ส่งมอบสินค้าที่เทียบเท่าหรือดีกว่าแล้ว แต่ทำไมศาลถึงให้น้ำหนักกับฝ่ายจำเลยมากกว่า โดยเชื่อจำเลยได้ส่งมอบถูกแล้ว
4.และหากศาลพิพากษาให้ค่าเสียหายในความชำรุดบกพร่องจำนวนหนึ่งแล้ว หนูยังมีสิทธิกับไปเรียกร้องให้ผู้ขายรับผิดตามสัญญารับประกันได้อีกหรือไม่
4.1 หากจำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกัน อย่างนี้จะเป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือไม่
4.2 เมื่อมีความชำรุดบกพร่อง ทำไมหนูต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมก่อน เมื่อหนูไม่ซ่อม หนูก็ไม่มีความเสียหายที่จะเรียกได้
ขอบคุณค่ะ
หนูไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว |