เรียน อาจารย์ มีชัย ที่เคารพอย่างสูง
ผมมีเรื่องเรียนถามอาจารย์ดังนี้ เป็นคดีแพ่งผมเป็นโจทก์ที่๑ฟ้องเพิกถอนนิติกรรมกับจำเลย(เป็นคดีที่แรก) จำเลย(โจทก์)ฟ้องขับไล่โจทก์ที่๒(จำเลย)เป็นคดีที่สอง ศาลท่านให้รวมคดีและท่านเรียกอย่างนี้ ศาลขั้นต้นยกฟ้องโจทก์ที่๑และให้ขับไล่โจทก์ที่๒ โจทก์ที่ ๑-๒ได้อุทธรณ์คดึและโจทก์ที่๒ได้ขอทุเลาการบังคับคดีศาลไม่ให้ จำเลยจึงดำเนินการบังคับคดีกับโจทก์ที่๒ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวานของโจทก์ที่๒ยื่นแสดงอำนาจพิเศษ โจทก์ที่๑ได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา ๘ วัน ศาลท่านมีคำสังในชั้นนี้ให้งดการไต่สวนไว้ก่อนและคำร้องฉบับนี้ได้ติดไปกับอุทธรณ์คดี แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ทราบเรื่องคำร้องฉบับนี้ดีเช่นกัน ต่อมาจำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปที่ดินพิพาท(รวมถึงบ้านของโจทก์ที่๑ด้วย)และทำการคล้องกุญแจบ้าน เมื่อโจทก์ที่๑กลับมาไม่สามารถเข้าที่พักอาศัยได้ เหตุที่ผมไม่อยู่บ้านเป็นเพราะผมได้ไปหาหมอที่กรุงเทพเพื่อรักษาโรค
ผมจึงอยากเรียนถามอาจารย์ว่า
๑. เจ้าพนักงานบังคับคดีท่านกระทำเกินคำสั่งศาลหรือไม่ครับ
๒. ถ้าโจทก์ที่๑ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวจะเข้าข่ายมั้ยครับ เพราะผมเคยยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินศาลท่านยกคำร้อง
๓. ผมอยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์ว่าผมโจทก์ที่๑ควรจะทำอย่างไรดี เพราะทรัพย์สินของผมทั้งหมดที่หามาทั้งชีวิตอยู่ที่บ้านและผมก็มีที่พักที่เดียวเท่านั้นครับ