เรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ

       ทางบ้านได้ซื้อที่ดิน ภบท.5 เมื่อปี 2538 โดยตอนที่ซื้อเจ้าของเก่าบอกว่าที่ดินทั้งหมดประมาณ 25 ไร่ โดยเป็นที่เนินเขาตั้งแต่กลางเนินจนถึงตีนเนิน พอมาปี 2542จึงรู้ว่าที่ดินปลายเนินประมาณ 5 ไร่ มีเจ้าของต่างหาก เจ้าของก็เข้ามาปลูกพืชเป็นปกติ เราก็ให้ผ่านทาง เพราะที่ต้นทางเราเอาที่ 2 ไร่ แลกทางเดิน และเราก็ไม่ทราบหลักเขตที่แน่นอน และเจ้าของที่ตีนเนินก็ได้ทำการถางที่และรุกเข้ามาในที่ของเรา 2 ไร่โดยที่เราไม่ทราบเพราะไม่มีหลักเขตแน่นอน

 ปี2549 เจ้าของที่ได้ขายที่ให้กับ พ.อ.นอกราชการท่านนึงและได้ว่าจ้างให้ทางบ้านทำการก่อสร้างให้ พ.อ.คนนี้ก็ให้สร้างบ้านให้จนเกือบจะแล้วเสร็จ ก้หยุดจ่ายค่าแรงจนต้องทำการฟ้องร้องกับศาลแรงงานกลางที่ชลบุรี แต่ประณีประนอมกัน แต่ได้ค่าจ้างเพียงครึ่งเดียวคือค่าจ้างที่ค้าง 160,000บาท ได้มาเพียง 80,000 บาท แต่ปัญหาไม่ได้จบแค่นั้น เพราะทาง พ.อ.คนนี้เห็นว่าที่ดินแถบนั้นเหมาะแก่การสร้างรีสอร์ท แต่ติดตรงที่ต้องผ่านที่ดินทางบ้าน จึงใช้ตำแหน่ง พ.อ.เกลี้ยกล่อมชาวบ้าน และตำรวจ โดยห้ามที่บ้านทำประตูเข้าออก เพราะเขาอ้างว่าเป็นทางสาธาณะไม่ต้องการให้ปิดทางเข้าออก แต่ทางบ้านก้แย้งว่าเป็นทางจำเป็น ไม่ใช่ทางสาธารณะ  เพราะมีบ้าน พ.อ.คนนี้เพียงหลังเดียว และผ่ากลางที่ดินของที่บ้าน และตัวบ้านของ พ.อ.ท่านนี้อยู่ลึกเข้าไปประมาณ 150 เมตร และมีคนแปลกหน้าเข้าออกตลอด อีกทั้งตีนเนินก็เป็นบึงน้ำซับไม่สามารถที่จะเดินไปได้ และทาง พ.อ.ท่านนี้ทำการปักเสารั้วแบ่งเขตโดยไม่มีการรังวัดจากทางป่าไม่้ โดยตั้งเสารุกเข้ามาในที่ของที่บ้าน 4 เมตรพาดยาวตลอดแนวเนินที่ดิน โดยมีการแจ้งทางบ้านตอน 7.00 น.และทำการปักแนวเสารั้วตอน 11.00 น.วันเดียวกันโดยที่ตอนนั้นที่บ้านไม่มีใครอยู่ เมื่อทางพ่อทราบเรื่องจึงแจ้งทางผู้ใหญ่บ้าน(คนเก่า)ให้ระงับเรื่องไว้ก่อนจึงปักเสาไว้แต่ยังไม่ขึงลวดหนาม และเดือน ส.ค.ป่าไม้ได้เข้ามารังวัดที่ดินจนทราบว่ารุกเข้ามา 4 เมตรจริง โดยที่ พ.อ.คนนี้เซ็นต์รับเป็นเจ้าของที่ดิน แต่ไม่ยอมรับแนวเขตที่วัดจาก GPRS ทั้งยังไม่ยอมถอนเสาออก จนเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้าน(คนใหม่) นำชาวบ้านประมาณ 30 คนมาชี้แนวเขต และบอกว่าถนนที่ทางบ้านให้บ้าน พ.อ.คนนี้ผ่านเป็นทางสาธารณะ ใช้มากว่า 30 ปีแล้ว ทั้งที่เมื่อปี 38 ที่เข้ามาอยู่แถบนี้ยังเป็นป่าทั้งนั้น และคนที่ผู้ใหญ่บ้านพามา ก็เป็นคนที่เข้าข้างทาง พ.อ.คนนี้ทั้งหมด ส่วนคนที่รู้ความจริงไม่ยอมพามาโดยอ้างว่าใครจะมาก็เหมือนกัน  ในสุดท้ายพ่อจึงตัดความรำคาญ โดยเซ็นต์ยกที่ทางจำเป็นให้เป็นทางสาธารณะ แต่ยังไม่ยินยอมเรื่องหลักเขตที่ดินที่ถุกรุกเข้ามา โดยพ่อคิดว่าจะขายที่ดินอีกฝั่งหนึ่งไปเลยยอมเซ็ฯต์ยกให้เป็นทางสาธารณะ เพราะมีแต่คนบอกให้ขายที่ย้ายหนี แต่อยู่มา 10 กว่าปี อีกทั้งไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ต้องการได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่อยากยอมแพ้กับอิทธิพล จึงขอเรียนถามดังนี้ครับ

1.จะมีทางที่จะดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจที่เข้ามาใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยข้อหาอะไรได้บ้าง

2.การที่จะเอาที่ดินคืนส่วนที่ถูกรุกเข้ามา ต้องการที่จะใช้การแจ้งให้ทราบเพื่อให้ทาง พ.อ.คนนี้รื้อถอนเสาออกไป ก่อนที่จะดำเนินคดี ใช้มาตราใดอ้างอิงได้บ้าง

3.พ.อ.คนนี้ชอบตัดต้นไม้ในที่ดินที่บ้านโดยอ้างว่ากีดขวางทางสาธารณะ แต่ไม่เคยแจ้งที่บ้านเลย ทั้งที่บางทีต้นไผ่ต้นเดียวขวางทาง แต่แกถางทั้งกอเลย แล้วก็ขนต้นไผ่ไปใช้ที่บ้าน แล้วไปแจ้งความกับตำรวจว่าเราไปข่มขู่จะทำร้ายเขา จะดำเนินคดีข้อหาใดได้บ้าง

4.ตำรวจที่เข้ามาไกล่เกลี่ย มีพฤติกรรมน่าสงสัย คือ แต่งเครื่องแบบตำรวจเข้ามาแต่ขับรถยนต์ส่วนตัวมา หรือแต่งนอกเครื่องแบบมากัน 4 -5 คนแต่ขับรถตราโล่ห์มาเจรจา และออกแนวข่มขู่ จะดำเนินคดีด้วยมาตราใด และจะสามารถร้องเรียนที่สำนักงานจเรตำรวจได้หรือไม่ เพราะบางทีในเวลาราชการขับรถตราโล่ห์เข้ามาที่บ้าน พ.อ.คนนี้ตั้งแต่ ประมาณ 12.00 น. กลับไปประมาณ 18.00 น.

5.มีวิธีการฟ้องร้องใดที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดเราเพราะทางบ้านฐานะไม่ค่อยดี 

                                            กราบขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูง

                                                            ชัยกฤต