ตาม ปพพ.733 ได้ตราไว้ เพื่อความเป็นธรรม เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้เอาเปรียบจนเกินไปเพราะได้ประเมินทรัพย์สินที่เป็นประกันไว้ดีแล้ว จึงปล่อยกู้ไปในราคาไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินกรมที่ดิน ซึ่งก็ต่ำกว่าราคาตลาดที่ซื้อขายกันจริงอยู่มาก เงินส่วนที่ขาดจากยอดที่อนุมัติให้กู้ ตัวลูกหนี้ก็ต้องไปหามาจ่ายเองเพื่อเป็นเงินมัดจำ แล้วก็ค่อยๆผ่อนชำระไป จนมีเหตุที่ทำให้ผ่อนต่อไม่ไหว (ผิดนัดชำระเกิน 3 งวดตามสัญญา) ลูกหนี้ก็ต้องยอมเสียทรัพย์ที่เป็นประกันการกู้ยืมนั้นไป แต่เจ้าหนี้กลับไม่หยุดแค่นั้น ชอบปล่อยเรื่องทิ้งไว้ให้ดอกเบี้ยท่วมแล้วจึงฟ้อง ลูกหนี้ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ถูกยึดทรัพย์ประกันไปแล้วก็น่าจะแล้วกันไป ยังต้องไปมัวแต่ยุ่งเรื่องทำมาหากินเลี้ยงปากท้องไปวันๆในช่วงลำบาก จึงเหมือนปล่อยปละละเลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนถูกฟ้องหนี้ท่วมหัว บางส่วนจึงต้องคิดสั้น
ขอเรียนถามอาจารย์ว่า 1.ทำไม ปพพ.733 จึงมีศักดิ์ต่ำกว่าสัญญาพิเศษที่เจ้าหนี้เขียนเอาเปรียบไว้ จะแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร
2.ทำไมกฏหมายจึงมองแต่ผลประโยชน์ของเจ้าหนี้ ดูจากผลของคดีมีแต่ลูกหนี้ที่ถูกบังคับให้หมดเนื้อหมดตัว หมดแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
1.ศาลฎีกาท่านถือว่าบทบัญญัติมาตรานี้ไม่ใช่เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน คู่กรณีจึงทำสัญญาให้ผิดแผกไปได้
2. นั่นซีนะ