ดิฉันแต่งงานกับสามี(จดทะเบียน) มีลูก 1 คน สามีได้ทำบริษัทร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก 1 คน ตอนนี้เขาได้หนีไป (สืบรู้มาว่าเขาติดหนี้พนันบอล และมีกิ๊ก และยังเอารถเข้าไฟแนนซ์) เขาเอารถเข้าไฟแนนซ์ เมื่อ พ.ย. 2551 แล้วพอมีรถคันใหม่ก็เลยเอาคันที่ติดไฟแนนซ์ไปให้พ่อตาใช้ ตจว. พอมาเดือน เม.ย.52 เขาได้หนีไป เอกสารทุกอย่างเขาจะให้ส่งไปที่ทำงาน ดิฉันเลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย และตอนนี้เขาติดค่างวดรถมา 3 งวดแล้ว อยากถามว่า
1.ถ้าไฟแนนซ์มายึดรถแล้วรถไม่ได้อยู่ที่บ้าน กทม.แต่อยู่ ตจว.เขาจะกล่าวหาว่าทางดิฉันยักยอกทรัพย์ไหม และดิฉันต้องเสียค่าอะไรให้บ้าง หรือว่าต้องให้พ่อขับรถมาไว้ที่บ้านดิฉันค่ะ เพราะดิฉันคงส่งค่างวดไม่ไหว
2.ในกรณีอย่างนี้สามารถฟ้องหย่าสามีได้ใช่ไหมค่ะ (แต่ตอนนี้ติดต่อสามีไม่ได้เลย) และดิฉันก็ได้เอกสารที่เขาเช่าหอให้ผู้หญิงอยู่ และมีพยาน(ยาม)ที่ดูแลหอพัก (ตอนนี้ผู้หญิงได้ลาออกกลับบ้านไปแล้ว) ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกน้องในบริษัทเขา หลักฐานแค่นี้พอจะฟ้องได้ไหมค่ะ
3.ตอนนี้อยากถอนหุ้นที่เป็นของเขาที่บริษัท ต้องทำอย่างไรค่ะ จึงจะสามารถถอนหุ้นได้ (เพราะหุ้นในบริษัทเป็นของเขากับหุ้นส่วนคนละครึ่ง)
4.เขามีหนี้บัตรเครดิตซึ่งจะเกี่ยวกับดิฉันหรือเปล่า ดิฉันกลัวว่าจะโดนไปด้วยเพราะเราจดทะเบียนกัน
ดิฉันสามารถป้องกันตัวเองและลูกได้อย่างไรค่ะ เพราะรู้สึกปัญหามันจะมากเหลือเกิน
1. ถ้าคุณประสงค์จะคืนรถให้บริษัท ก็ควรเอามาไว้ที่กรุงเทพ แต่ต้องเข้าใจว่าในการคืนรถให้บริษัทนั้น ไม่ได้แปลว่าหนี้นั้นจะหมดกันไป ทางปฏิบัติบริษัทจะนำรถนั้นไปขายแบบถูก ๆ ได้เงินมาก็จะนำไปหักค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ถ้ามีเหลือก็จะหักเงินต้น ส่วนใหญ่จะยังเหลือหนี้อยู่ เขาก็จะปล่อยทิ้งไว้อีกระยะหนึ่งโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราโหด แล้วจึงฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ คนส่วนใหญ่ก็จะไม่นำพา เพราะคิดเอาว่าอยากฟ้องก็ฟ้องไป ในที่สุดเมื่อเขาชนะคดีแล้วเขาก็จะตามมายึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ มีบ้านก็ยึดบ้าน มีทรัพย์สินอะไรอื่นก็ยึดเพื่อไปขายนำเงินมาชำระหนี้
2. การที่เขามีหญิงอื่น ก็เป็นเหตุฟ้องได้ แต่หลักฐานจะเพียงพอหรือไม่ควรปรึกษากับทนายความ
3. ถ้าหุ้นนั้นเป็นของเขา คุณก็ไปถอนเองไม่ได้ ต้องให้เขาเป็นคนถอน
4. ถ้าเป็นหนี้ที่เขาไปใช้ส่วนตัว ก็ไม่ผูกพันคุณ แต่ถ้าเขาถูกฟ้องร้องในที่สุดก็จะกระทบคุณได้ เพราะเจ้าหนี้ก็คงต้องมายึดทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสเฉพาะในส่วนของเขา