กระผมรับราชการ มีภรรยารับราชการจดทะเบียนสมรสแล้ว ต่อมาได้คบหากับหญิงคนหนึ่ง โดยหญิงเป็นฝ่ายเข้ามาหา สอบถามผมบอกว่ามีภรรยาแล้ว แต่หญิงยื่นข้อเสนอว่าต่างคนต่างอยู่ ผมบอกว่าการคบหามีเขตจำกัดและพร้อมแยกทางหากเกิดปัญหา หญิงเคยผ่านการมีครอบครัวมาแล้วและเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น ขณะที่คบหากับผมหญิงก็ยังคบหาชายอื่นอยู่ด้วยและเคยเห็นนั่งรถไปด้วยกัน ขณะคบหาก็ป้องกันหลายวิธี บางครั้งหญิงอ้างว่าจะกินยาคุมเอง แต่ก็ไม่อยู่กันบ่อยครั้งนัก ต่อมาหญิงตั้งท้องผมมาทราบเมื่อ 5 เดือนแล้ว (เริ่มแรกบอกว่าประจำเดือนขาด ตอนหลังบอกว่าประจำเดือนมาแล้ว) อ้างว่า 5 เดือนทำแท้งไม่ได้อันตราย ตอนนั้นผมมั่นใจ 70 % ว่าเด็กคนนั้นเป็นของผม ตอนคลอดผมได้เซนต์ชื่อเป็นบิดาของเด็กและตอนแจ้งการเกิดได้ยินยอมให้ฝ่ายหญิงแจ้งว่าเป็นบิดาของเด็กโดยที่ผมเองก็ไม่สบายใจนัก ระหว่างที่คบหากันหญิงได้โทรศัพท์มาก่อกวนผมกับภรรยาบ่อยครั้งแต่ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้กระทำ จากพฤติกรรมที่ระยะหลังหญิงจะบีบคั้นผมมากยิ่งขึ้นและหญิงพูดโกหกบ่อยครั้ง มำให้ผมมั่นใจแค่ 55 % ว่าเด็กเป็นลูกของผม ขอถามดังนี้
1. การตรวจ ดี เอ็น เอ จะเป็นประโยชน์กับผมมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากฝ่ายหญิงได้ท้าขึ้นเองว่า ถ้าไม่เชื่อให้ไปตรวจ ดี เอ็น เอ
2. หากผมจะรอจนกระทั่งหญิงฟ้องคดีเพื่อให้จ่ายค่าเลี้ยงดูหรือรับรองบุตร แล้วจึงตรวจ ดี เอ็น เอ ตรวจก่อนฟ้องหรือตรวจหลังฟ้อง ระยะไหนจะเป็นผลดีกับผมกว่ากัน
3. ผลกระทบเกี่ยวกับความผิดทางวินัยมีมากน้อยระดับไหน กรณีรอให้หญิงฟ้องคดีต่อศาล และจากกรณีดังกล่าว
4.ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ มีหรือไม่ อย่างไร
ขอบคุณครับ
1. ก็ถ้าคุณอยากรู้ว่าเป็นลูกของคุณหรือไม่ การตรวจดีเอ็นเอก็ย่อมเป็นประโยชน์ที่จะทำให้คุณรู้ได้ว่าใช่หรือไม่
2. ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากรู้ตอนไหน และรู้ไปทำไม
3. ไม่เข้าใจคำถาม
4. ไม่มี เพราะลำพังตอบคำถามที่ถามมาก็ต้องอาศัยเดา ๆ เอาเพราะไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ของคำถาม