การเปลี่ยนนามสกุล
เรียน อาจารย์มีชัยค่ะ
ดิฉันพยามยามค้นจากหัวข้อคำถามเก่า ๆ ที่อ.เคยกรุณาตอบให้กับเพื่อนร่วมเว็บ ในเรื่องการเปลี่ยนนามสกุลบุตรแล้ว มีแต่ปัญหาที่พอใกล้เคียงคล้าย ๆ กัน แต่ยังไม่ชัดเจนกับปัญหาของดิฉันโดยตรง จึงจำเป็นต้องส่งคำถามมาเรียนปรึกษาอ. ค่ะ
เรื่องของดิฉันมีอยู่ว่า ดิฉันได้หย่าขาดกับสามีประมาณเดือนส.ค. ปี 2551 โดยบันทึกการหย่าว่า บุตรสาว(อายุเจ็ดขวบในขณะนั้น)อยู่ในความปกครองของมารดาคือดิฉัน ( ไม่มีการเรียกร้องค่าเลี้ยงดู ไม่มีการแบ่งสินสมรส ในเวลานั้น ดิฉันต้องการแค่ขอให้เค้ายอมหย่าให้ก็พอ เพราะสามีไม่ยอมหย่าให้โดยดี )
เมื่อประมาณเดือนพ.ค.. 2552 ดิฉันได้ไปทำเรื่องขอเปลี่ยนนามสกุลบุตรสาวเพื่อมาใช้นามสกุลดิฉันเองในท้องที่อำเภอที่มีทะเบียนบ้านอยู่ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะไปติดต่อดิฉันได้ปรึกษากับเพื่อนซึ่งก็เคยมีประสบการณ์เดียวกันในการขอเปลี่ยนนามสกุลลูกชายของเค้าว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เพื่อนก็บอกว่า มีทะเบียนบ้านตัวจริง ใบหย่า บัตรประชาชน ใบสูจิบัตรตัวจริง ไปติดต่อ เจ้าหน้าที่ก็ทำให้เลย ลูกไม่ต้องเอาไปก็ได้ (เพื่อนดิฉันอยู่ จ. สมุทรสาครค่ะ)
และในวันที่ 1 พ.ค. 52 ดิฉันก็โทรไปสอบถามที่อำเภออีกครั้งก่อนที่จะไปติดต่อ ดิฉันได้แจ้งเจ้าหน้าที่ ว่าถ้าใบเกิดหายแต่มีสำเนาที่่ถ่ายไว้ และเอกสารอื่นมีตัวจริง จะขอเปลี่ยนนามสกุลบุตรสาวมาใช้นามสกุลมารดาหลังจากหย่าร้างแล้ว ได้ไหมคะ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าไม่ได้ต้องมีใบแจ้งความและไปขอตัวจริงมาใหม่ ซึ่งดิฉันบอกว่า ลูกสาวเกิดที่อ.นครชัยศรี ต้องให้ดิฉันไปขอที่อ.นครชัยศรีเหรอคะ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ใช่เกิดที่ไหนต้องขอที่นั่น ซึ่งดิฉันก็บอกว่า มีตัวถ่ายเอกสารไว้ใช้แทนกันไม่ได้เหรอคะ คือมันไกลจากอำเภอที่อยู่คนละจังหวัดกันเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็บอกไม่ได้ต้องใช้ตัวจริง ไม่ว่าดิฉันจะชี้แจงเหตุผลมันไม่สะดวกเพราะว่าดิฉันหย่ากับทางสามีแล้ว ตอนลูกสาวเกิดก็ไม่ได้ไปแจ้งเอง เค้าก็ยืนยันว่าต้องใช้ตัวจริงเท่านั้น เกิดที่ไหนไปขอคัดใหม่ที่นั่น
ซึ่งสุดท้ายแล้วดิฉันก็โทรไปสอบถามรพ.ที่คลอด เค้าก็ให้ติดต่อทางอำเภอนครชัยศรีเอง โทร.ไปทางอ.นครชัยศรี เค้าก็ให้ติดต่อเทศบาลเนื่องจากเป็นเขตเทศบาล โทร.ไปเทศบาลก็โยนไปทางอ.นครชัยศรี ดิฉันก็แจ้งเจ้าหน้าที่สายสุดท้ายว่า รบกวนขอข้อมูลที่แน่ชัดได้ไหมคะ คือดิฉันอยู่คนละจังหวัดต้องวางแผนการเดินทาง มันไกลกันจริง ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะยังไงสุดท้ายวันนั้นที่ดิฉันทำได้คือ ขับรถไปแจ้งขอใบสูจิบัตรที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งท่านปลัดมีความกรุณามาก แม้ว่าจะไม่มีเอกสารเปลี่ยนชื่อตัวจริงของดิฉัน มีแค่สำเนาที่ถ่ายเอกสารเก็บไว้กับใบแจ้งความใบเกิดลูกสาวหาย ท่านก็ดูแค่บัตรประชาชนตัวจริง ก็ดำเนินการให้และแนะนำว่า อยู่จ.อยุธยา ก็ขอที่อำเภอที่นั่นได้ เดี๋ยวนี้เค้าออนไลน์กันแล้วนะ ท่านคงเห็นใจที่ดิฉันเดินทางมาไกล เป็นอันว่าก็ได้สูจิบัตรตัวจริงมาเรียบร้อย
เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ อีกอาทิตย์ถัดมาดิฉันได้ขอลางานไปติดต่อที่อำเภอบ้านดิฉันเพื่อขอเปลี่ยนนามสกุลลูกสาวอีกครั้ง ด้วยความมั่นใจเต็มที่ว่าเปลี่ยนได้แน่ ๆ พอไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่า ทำไม่ได้ต้องให้พ่อเด็กมายินยอม ซึ่งดิฉันก็บอกว่า คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเค้าไม่อยากให้เปลี่ยน (ซึ่งดิฉันมาคิดทีหลังว่าพลาดที่บอกเรื่องนี้ไป) ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าไม่สามารถเปลี่ยนให้ได้ เพราะเค้าจะโดนร้องเรียนจากพ่อเด็กภายหลังได้ ถ้าพ่อเค้าไม่ยินยอม (พ่อลูกสาวเค้ารับราชการตำรวจค่ะ) ซึ่งดิฉันก็ถามว่า ทั้ง ๆ ที่ในวันจดทะเบียนหย่าก็หย่าที่อำเภอนี้นะคะ และได้บันทึกไว้ว่าบุตรอยู่ในความปกครองของดิฉัน เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ทำให้ไม่ได้ เค้าไม่อยากโดนร้องเรียน เพราะเคยมีกรณีแม่จากชลบุรีมาขอเปลี่ยนแล้วพ่อเด็กไม่ยินยอม ซึ่งดิฉันไม่ได้ถามรายละเอียดต่อ เพราะตอนนั้นใจกังวลแต่เรื่องของตัวเองอย่างเดียวค่ะ และทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า เค้าโทร.ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายของกระทรวงแล้ว กรณีแบบนี้เค้าทำให้ไม่ได้ ฝ่ายกฎหมายบอกต้องให้พ่อเด็กเซ็นต์ยินยอมมาก่อน
ซึ่งอ.คะเป็นไปได้ยากมาก เพราะเค้าไม่อยากให้เปลี่ยน เค้าอ้างว่าจะเบิกสิทธิทางราชการไม่ได้ (แค่เปลี่ยนนามสกุลไม่ได้เปลี่ยนหมายเลขบัตรประชาชนด้วยนะคะ ดิฉันก็บอกว่า สิทธิของลูกก็ยังอยู่นี่ เค้าว่าดิฉันสร้างปัญหาให้เค้าไม่ยอมจบ เค้าไม่ยอมรับโทร.ดิฉันอีกเลย) ดิฉันก็พอจะเข้าใจว่าเค้าแค่ต้องการให้ดิฉันเสียเวลาและเดือดร้อนใจเล่น คนยังรักกันคงไม่ลุกมาหย่ากันหรอกค่ะ แต่ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางดิฉันเป็นคนจัดการ ซึ่งทางพ่อลูกสาวก็มาเยี่ยมเดือนละครั้งสองครั้ง ก็ให้เงินกับทางลูกสาวไว้ครั้งละหนึ่งร้อยถึงสองร้อยบาท เป็นเรื่องจริงค่ะ ดิฉันไม่ได้ใส่ร้ายเพื่อให้ตัวเองดูดีกว่า แต่เค้ารับผิดชอบแค่นั้นจริง ๆ เค้าบอกเค้ารักลูกค่ะ เค้ายังโทร.หาลูกอยู่บ่อย ๆ
กลับมาที่อำเภอต่อนะคะ ดิฉันได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า คือ จริง ๆ ได้สอบถามที่เพี่อนในกรณีเดียวกันเลยแต่คนละจังหวัดทางนั้นเค้าเปลี่ยนให้ได้เลย (หรือว่าหลักเกณฑ์แต่ละที่ต่างกันคะ แค่คิดไว้ในใจ ไม่กล้าถามค่ะ) และก็ได้โทร.มาสอบถามเรื่องการเตรียมเอกสารก่อนแล้ว ทางนี้ให้ไปขอคัดใหม่ที่อำเภอที่น้องเค้าเกิด ดิฉันก็แจ้งไปว่าได้เดินทางไปขอคัดสูจิบัตรที่อ.นครชัยศรีมาแล้ว ดิฉันบอกว่า ไม่สามารถลางานได้บ่อยค่ะ ไม่สามารถทำให้ได้เในวันนี้หรอคะ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าทำไม่ได้ ดิฉันก็ยังดื้อถามต่อ ทั้ง ๆ ที่ตอนหย่ามีการตกลงว่าลูกสาวอยู่ในการปกครองของดิฉันนะคะ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ทำไม่ได้ เพราะพ่อเด็กจะมาร้องเรียนทีหลัง ซึ่งดิฉันก็บอกว่า เค้าไม่มาหรอกค่ะ เค้าแค่อยากแกล้งดิฉันให้เสียเวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าทำให้ไม่ได้ เค้าไม่อยากโดนร้องเรียน ดิฉันก็พยายามเข้าใจเจ้าหน้าที่ท่านนั้นนะคะ แต่ดิฉันอดเสียความรู้สึกไม่ได้ว่า ดิฉันก็เตรียมเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยแต่ติดขัดตรงหลักเกณฑ์ที่อำเภอบ้านดิฉันไม่สามารถทำให้ได้ ในขณะที่เขตหรืออำเภออื่นสามารถทำได้ในกรณีเดียวกันเลย ดิฉันก็กลับเลยค่ะ ลงมาจากอำเภอ น้ำตาจะไหล เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ดิฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว ดิฉันแค่อยากให้เค้าใช้นามสกุลดิฉันแค่นั้น ทำไมมันถึงลำบากยากเย็นนัก ทั้งที่ดิฉันไม่ใช่แรงงานต่างด้าว มีงานทำแน่นอน มีหลักฐานสิทธิการเลี้ยงดูอย่างชัดเจน แล้วทำไม ถึงไม่สามารถเปลี่ยนนามสกุลลูกสาวมาใช้ของตัวเองได้
ที่เล่ามายาวมากขนาดนี้ ดิฉันอยากให้อ.เข้าใจดิฉันค่ะว่าดิฉันต้องการเปลี่ยนนามสกุลลูกสาวมาใช้ของดิฉันจริงๆ ค่ะ เพราะทางพ่อของลูกหรือญาติของเค้าไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ ไม่เคยมาติดต่อ ไม่ว่าก่อนหรือหลังหย่ากัน ทำเหมือนว่าทางลูกสาวดิฉันไม่ใช่หลานของเค้า ซึ่งดิฉันก็อยากให้ลูกสาวใช้นามสกุลดิฉันถึงแม้ว่าแกจะสามารถขอเปลี่ยนเองได้เมื่อแกบรรลุนิติภาวะแล้ว
ดิฉันต้องรบกวนขอคำแนะนำของ อ. ดังนี้ค่ะ
1. กรณีแบบนี้ดิฉันไม่สามารถขอเปลี่ยนนามสกุลบุตรสาวมาใช้ของดิฉันได้ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากพ่อของลูกสาว ทั้งที่ตอนหย่าก็บันทึกว่าลูกสาวอยู่ในความปกครองของดิฉัน เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้จริงๆ หรือคะ
2. ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำให้ได้จริงๆ ดิฉันสามารถฟ้องร้องขอให้ศาลสั่งได้หรือไม่คะ แล้วมีวิธีดำเนินการยื่นต่อศาลอย่างไรบ้างคะ ต้องติดต่อทนายให้เป็นตัวแทนหรือไม่คะ (เพราะโดยส่วนตัว ดิฉันเห็นว่าเป็นปัญหาครอบครัวเล็ก ๆ คงไม่มีทนายที่ไหนอยากทำคดีนี้เท่าไหร่ค่ะ)
ท้ายนี้ดิฉันพยายามเข้าใจเจ้าหน้าที่อำเภอที่บ้านดิฉันว่าเค้าก็คงกลัวจะเดือดร้อน แต่ดิฉันต้องการความชัดเจน เพื่อนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน |