หวัดดีค่ะ รบกวนถามหน่อยนะค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าแฟนได้ทุจริตต่อหน้าที่กล่าวคือ ยางรถยนต์ของบริษัทได้วางไว้ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ต่อมาเจ้าของอู่เกิดขัดสนขอนำยางบริษัทออกไปขายโดยบอกกับแฟนว่าจะแบ่งเงินให้ จนวันหนึ่งทางบริษัทตรวจสอบเจอแฟนก็ยังไม่ยอมรับผิดเพราะไม่มีหลักฐานอะไร เวลาแฟนจะรับเงินเปอร์เซนต์จากเจ้าของอู่ซ่อมรถเค้ารับกันเป็นเงินสดไม่ได้โอนเข้าบัญชี สุดท้ายแฟนเขียนใบลาออก หลังจากออกมาได้สักพักทราบข่าวว่าทางบริษัทกำลังหาหลักฐานฟ้องเอาผิดกับแฟน แต่ยังไม่ได้หลักฐานจึงไปไล่เบี้ยกับเจ้าของอู่ซ่อมรถ อยู่ ๆ มาเจ้าของอู่ซ่อมรถเดินเข้าไปสารภาพกับบริษัทว่าได้นำยางของบริษัทออกไปขายจริงแต่ไม่เคยได้รับเงินดังกล่าวขายได้ก็ให้แฟนคนเดียว พร้อมกับนำเสียงที่อัด (อัดโทรศัพท์)ระหว่างคุยกับแฟนไปให้ทางบริษัท คาดว่าน่าจะอัดช่วงที่ปรึกษากันเพื่อหาทางออก เพราะจำได้ว่าแฟนเราว่าเจ้าของอู่ซ่อมรถไม่ยอมพูดแสดงความคิดเห็นอะไรนอกจาก ครับ ครับ อย่างเดียว เค้าฉลาดมากเลย ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น 1.6 ล้านแต่แฟนบอกว่าได้เงินมาประมาณ 300,000 ขอถามว่า 1. ความผิดหนี้ถือเป็นความผิดอาญา หรือ แพ่ง ยอมความกันได้มั้ยค่ะ2. เรายินยอมที่จะชดใช้ให้แก่บริษัทอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ 1.6 ล้านบาท เราต้องทำอย่างไรค่ะ
3. แล้วถ้าสู้กันในชั้นศาลความผิดลัษณะนี้จะติกคุกมั้ยค่ะ ถ้าติดต้องติดกี่ปี
4. ทางบริษัทกันตัวเจ้าของอู่ซ่อมรถเป็นพยานแบบนี้เจ้าของอู่ถือว่าพ้นจากความผิดหรือไม่คะ ถ้าไม่พ้นศาลจะตัดสินให้รับผิดชอบด้วยกันหรือเปล่าค่ะ
5. ตอนนี้ทราบเพียงข่าวว่าเจ้าของอู่สารภาพแล้ว และเราควรรอจดหมายเรียกตัวไปสอบสวนหรือควรเค้าไปเจรจากับทางบริษัทดี แต่เงินตั้ง 1.6 ล้านบาท ให้รับคนเดียวคงไม่ไหวแน่
กลุ้มใจมากเลยค่ะ กลัวแฟนติดคุก แล้วเงินตั้ง 1.6 ล้านบาท จะเอาปัญญาที่ไหนไปใช้เค้าถ้าคนละครึ่งกับเจ้าของอู่ซ๋อมก็พอว่า สงสารลูกมากค่ะ รบกวนช่วยตอบและแนะนำด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรื่องที่ถามน่ะ ไม่ใช่เรื่อง"หน่อยเดียว" หรอก พลาดพลั้งถึงติดคุกติดตะรางได้
1. เป็นคดีอาญา อาจเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ ถ้าเป็นการลักทรัพย์ก็ยอมความไม่ได้ ถ้ายักยอกก็ยอมความได้
2. ก็ต้องคุยกับเขา
3. ถ้าทำหลายหน ก็คงติดหลายสิบปีอยู่ เพราะเวลาฟ้องเขาคงฟ้องเป็นรายครั้งที่เอาของเขาไปขาย
4. ถ้าเขาถูกกันตัวเป็นพยานแล้ว เขาก็คงพ้นจากการถูกฟ้องร้อง
5. ก็ควรจะรีบไปเจรจากับเขา