การบังคับคดีหลังจากมีการรับสภาพหนี้แล้ว
รบกวนเรียนถามอาจารย์ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า นายก.ญาติผมให้เปิดหจก.โดยใช้ชื่อผมและญาติๆอีก2คนเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แล้วไปรับงานที่หนึ่งปรากฏว่าโดนเบี้ยวค่าจ้างจึงทำให้ค้างค่าสินค้าและโดนฟ้องแพ่งไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว
หลังจากโดนฟ้อง นายก.ญาติผมคนนี้ก็ไปเจรจากับทางโจทก์ผู้ฟ้องและที่สุดตกลงกันในศาลว่าจะเป็นผู้รับชดใช้หนี้ทั้งหมดแทนหจก.และญาติทุกคน เพราะเขาเป็นคนเดียวที่มีความสามารถในการชำระหนี้และเป็นคนดำเนินการหจก.นี้ทั้งหมดซึ่งโจทก์ก็ทราบ (เขาไม่มีชื่อในหจก.เพราะต้องการแยกชื่อแต่ละบริษัทในการสั่งซื้อสินค้าและค่าแรงในการทำงาน)โดยมีกำหนดระยะการผ่อนซึ่งทางเจ้าหนี้ก็ตกลงและทำหนังสือยินยอมในศาลว่าให้นายก.ผ่อนชำระตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
พอดีมาเจอช่วงเศรษฐกิจแย่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะผ่อนไม่ทันตามที่ตกลงกันไว้ ผมเลยอยากรบกวนถามเป็นความรู้ไว้ว่า
1.กรณีที่หจก.และหุ้นส่วนผจก.โดนฟ้อง แต่นาย ก.ไปตกลงทำหนังสือยินยอมชำระหนี้แทนหจก.และจำเลยอื่นในชั้นศาล หากเกิดว่านายก. ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามที่ตกลงทางโจทก์จะสามารถบังคับคดีเดิมได้หรือไม่ครับ หรือจะต้องไปเรียกร้องเอาจากนาย ก.ใหม่อีกครั้ง หรือแค่นายก.จะมาเป็นจำเลยร่วมเพิ่มอีกคน
2.หากเป็นกรณีที่บังคับคดีเดิมได้เลย หากโจทก์ไปร้องที่กรมบังคับคดี จะสามารถอายัดทรัพย์ของจำเลยได้เลยไหม จำเลยสามารถคัดค้านได้ไหม
3.ตอนแรกผมเข้าใจว่าถ้าตกลงกันในศาลว่า นายก.ยินยอมรับสภาพหนี้แทนหจก.และทุกคน และโจทก์ก็ตกลง คดีก็จบตรงนั้น ถ้าโจทก์จะเรียกร้องก็ต้องไปฟ้องนายก. อันนี้ผมเข้าใจผิดใช่ไหมครับ
4การอายัดทรัพย์จำเลย สามารถอายัดทรัพย์อะไรได้บ้างครับนอกจากบ้าน พวกเงินในบัญชีส่วนตัว, รถยนต์ นี่สามารถอายัดได้ไหมครับ
ปล.จริงๆนายก.ยังสามารถเจรจากับโจทก์ได้อยู่เพราะโจทก์ก็รู้จักกัน ค้าขายกันเป็นสิบปี แต่เขาต้องฟ้องเพื่อรักษาสิทธ์ก่อนหมดอายุความ ผมมาถามไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาทครับ เพราะผมกับอีก2คนไม่ไดhมีส่วนได้เสียในหจก.เลย เขายืมชื่อไปเฉยๆ
รบกวนอาจารย์ด้วยครับ ผมจะได้ระวังตัวถูก ญาติเป็นคนดีทุกคนเลยยอมช่วย ตอนนี้ก็เห็นว่าพยายามเคลียร์หนี้สินอยู่ ไม่ได้หลบหนี แต่อยากระวังเหตุสุดวิสัยไว้น่ะครับ เพราะโจทก์เขาก็อยู่ในรูปบริษัท อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดได้
ขอบคุณครับ
|