ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    035376 รายละเอียดถามเพิ่มเติมค่ะส้ม5 มิถุนายน 2552

    คำถาม
    รายละเอียดถามเพิ่มเติมค่ะ
    ทำงานทีโรงแรม เป็นคนเก็บเงินค่าเช่ารายเดือนและรายวัน ทำมาปีกว่าไม่มีปัญหาอะไร ประมาณหกเดือนที่แล้ว เริ่มตั้งท้องจึงนำหลานที่เขาเป็นกะเทยเข้าไปช่วยงาน ในระหว่างเดือน ถ้ามีเงินค่าเช่าจะเข้ามาเปิดเอาเงินที่หย่อนลงตู้เซฟ จนเดือนเมษายน ที่ผ่านมา หลานไปเกฏท์ทหารที่บ้านนอก หนูไปบ้านที่ต่างจังหวัดมานั่งทำงานแทน 2-3 วันผ่านไป เจ้านายมาเปิดห้องพักเพื่อให้เพื่อนที่เป็นไกด์ได้ดู ปรากฏว่าห้องที่หนูรายงานว่าว่างไม่มีคนพักมีการปิดล็อคและมีเข้าของอยู่เต็ม เป็นห้องที่คนมาเช่าแต่ไม่มีค่าเช่าแล้วเขาหนีไป ล็อคห้องแล้วทิ้งของไว้ เจ้านายเลยสอบถามมาที่หนู ซึ่งหนูคิดว่าตอนหลานอยู่เขาเคลียร์ไปแล้ว เจ้านายโมโหมากหาว่าหนูปกปิด ตั้งข้อหามามากมาย ยิ่งรู้ว่าหนูอยากให้เรื่องจบจึงบอกว่าหนูขอรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่ามีห้องเดียวที่มีปัญหา เจ้านายทั้งข่มขู่สาระพัดว่าถ้าไม่ให้ค่าเสียหายรับรองว่าจะไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานอีกเลย เขาจะไปประชุมกลุ่มเจ้าของโรงแรมก็จะเอาประวัติของหนูไปขึ้นบอร์ด เป็นบุคคลอันตราย ยักยอกเงินนายจ้าง สามีและญาติของสามีถ้ารู้เรื่องของหนู รับรองว่าครอบครัวหนูต้องแตกแยก เพราะว่าเจ้านายจะแจ้งความดำเนินคดีกับหลานหนูที่เอามาทำงานด้วย อีกคนที่ช่วยเจ้านายที่ออฟฟิตเรื่องตรวจห้องก็เป็นญาติสามี เหมือนว่าหนูและพวกเข้ามารวมหัวกันยักยอกเงินไหนจะแม่หนูที่บ้านนอกอีก หนูจึงหาเงินไปให้เจ้านายเป็นค่าเสียหายของห้องนั้นเกือบสี่หมื่นบาท คิดว่าจะจบเรื่องเพราะเวลาที่ให้เงินค่าห้องพักนั้น เขาไม่เคยมีเอกสารอะไรให้เลย บอกเงินนี้ห้องนี้เขียนตามรายการรับเงินไปคือจบกัน ด้วยว่าไม่มีหลักฐานการส่งเงิน รายการที่เจ้านายเซ็นรับเงินเขาเอาไปเก็บไว้เอง เขาบอกว่ากลัวลูกน้องเอาไปให้สรรพกร เป็นดังนี้เรื่อยมาตลอดเวลาที่ทำงาน ก่อนหน้าที่เข้ามาก็มีพนักงานออกไปลักษณะนี้แทบทั้งนั้น ทุกคนโดนคล้ายกันแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นขายหมอนเสริม ผ้าห่มเสริม ก็จะโดนหักเงินเอาเงินประกันไป งวดสุดท้ายเงินเดือนไม่ได้ ประกันไม่คืนทุกคน แต่ต่อมาอีกสัก 2-3 วันเจ้านายก็มาบอกอีกว่ามีอีก สิบกว่าห้องที่ไม่ได้เงิน เป็นเงินทั้งสิ้น 2 แสนกว่าบาท ด้วยความกลัวเลยหาเงินไปให้เขาอีก คราวนี้เจ้านายบอกว่ามีรายงานการเข้าพักในคอมอีก สองล้านกว่าบาท หนูบอกว่าในคอมไม่ได้แปลว่าลูกค้ามาพักทุกคน ลูกค้าจองมาก็คีร์เข้าไป แต่คอมเป็นโปรแกรมแบบทดลองใช้มันไม่สมบูรณ์และไม่แยกประเภทว่าคนไหนจองคนไหนพัก และถ้ามีการคีร์ข้อมูลเข้าไปย้อยหลังวันที่เข้าไปสัก 5 เดือนหรือ 1 ปี มันก็จะเข้าไปแทรกอยู่ในวันเดือนปีที่เราคีร์เข้าไป ถึงแม้ความเป็นจริงเราพึ่งทำมันเข้าไปสักไม่ถึงชั่วโมงและในความเป็นจริงไม่มีลูกค้ามาพักเลย แต่ประวัติมันโชร์ว่ามันอยู่ในเดือนนั้นจริง เอามาเชื่อถือได้อย่างไร เขาบอกว่าขอค่าเสียหายแปดแสนบาท แล้วจบกัน หนูบอกว่าไม่มีแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ที่เรารับไม่ได้ เพราะเพียงแค่ที่หนูหาเงินจ่ายเขาไป ก็แอบเป็นหนี้เขาและสามีไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เจ้านายไม่ยอมบอกว่าจะเอาหลักฐานที่มีส่งให้ตำรวจ เพราะมีการจ่ายเงินมาเครียล์แสดงอยู่แล้วว่าหนูต้องมีการยักยอกเงินเขาจริง เรื่องของหนูตำรวจเขาชอบ เขาอยากได้เงินจบคดี ร้อยกรรม ติดคุกเป็นร้อยปี แล้วแปดแสนบาทเขาให้ผ่อนส่งภายในห้าปี ไม่คิดดอกเบี้ย แลกกับอนาคตของหน้าที่การงาน ยุติเรื่องราวทางบ้านด้วย ถ้ายอมรับว่าเอาไป เขาก็จะไม่เอาเรื่องทางอาญา ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลย รู้แต่ว่าต้องเดือดร้อนเจ้านายบอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกลูกค้าทุกคนว่าหนูไม่ได้ให้เงินเขา ถ้าอยากจบจึงยอมรับข้อเสนอนั้น แต่เจ้านายเหมือนหลอก เขาให้เซ็นชื่อในหนังสือสัญญาเงินกู้สามัญทั่วไป ตรงช่วงว่างในสัญญาฉบับนั้นระบุว่า เราขอชำระเงินจำนวนแปดแสนบาทให้เจ้านายเนื่องจากว่าเป็นเงินค่าห้องตั้งแต่เดือน มกราคม 2551- เดือนเษายน 2552 ที่หนูไม่ได้นำส่ง คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 8 แสนบาท ซึ่งนาง( เจ้านาย )ยินยอมให้ชำระเป็นแบบกู้จนกว่าจะหมด หากมีส่วนเกินขอยกผลประโยชน์ให้ผู้กู้คือ ตัวหนู ซึ่งตัวหนูและเจ้านายเซ็นชื่อระบุตรงข้อความนั้นทั้ง 2 คน แต่หลังจากนั้นทางเจ้านายให้ออกงานด้วยกลัวว่าหนูจะทำลายหลักฐานในคอม รวมทั้งสภาวะแวดล้อมจากคนที่รู้เรื่องทำให้อับอายจึงออกงานมาเสีย ลูกชายคนโตอายุ 7 ขวบ ตัวหนูเองตั้งท้อง ได้ 6 เดือนกว่าแล้ว มาอยู่บ้านได้เกือบอาทิตย์ เจ้านายให้ตำรวจโทรมาข่มขู่ว่าจะส่งหมายมาบ้าง ให้คนไปพูดที่แถวบ้านที่พักบ้าง ตอนนี้รู้สึกกำลังจะเป็นบ้า ขอความกรุณาบ้างเถอะค่ะ 1 แบบนี้ติดคุกกี่ปีคะ 2 สัญญานั้นถือเป็นการยอมความหรือเปล่าคะ มีเพียงสัญญาเงินกู้ใบเดียวถือเป็นหลักฐานการยอมความกัน ร้อยเวรเขาจะยอมรับหรือเปล่า หรือเขาจะตั้งข้อหาเราตามที่บอก เพราะตอนโทรมา ร้อยเวรบอกด้วยว่าเป็นญาติเจ้าของโรงแรมเขาทำคดีเต็มที่ หนูกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม 3 ถ้าประกันตัวสู้คดี หนูต้องหาหลักทรัพย์ประมาณเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเงิน ตอนนี้ตั้งท้อง 6 เดือน ลูกชายคนโตอายู 7 ขวบ มีแม่ที่ต้องดูแลอีก สงสารครอบครัวถ้าหนูต้องติดคุก พวกเขาคงแย่ กราบขอบพระคุณค่ะ
    คำตอบ

    1. ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี แต่ถ้าทำหลายครั้ง เขาก็ฟ้องเป็นรายคดี โทษก็จะว่ากันเป็นรายคดี

    2. ไม่เห็นสัญญาจึงบอกไม่ได้  แต่เรื่องราวของคุณนั้นน่าจะถูกข่มขู่และถูกหลอกให้ใช้เงินมากกว่าความเสียหายจริง ทางที่ดีน่าจะหาทนายความมาสู้คดีมากกว่าที่จะยอมเสียเงินให้เขาไม่มีวันจบสิ้น

    3. ขึ้นอยู่กับตำรวจว่าจะกำหนดเท่าไร

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    5 มิถุนายน 2552