ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    035357 หนี้บัตรเครดิตและสถานออกกำลังกายคนไกลบ้าน3 มิถุนายน 2552

    คำถาม
    หนี้บัตรเครดิตและสถานออกกำลังกาย

    เรียน อ.มีชัยที่เคารพ

    ดิฉันได้เคยสมัครเป็นสมาชิกของสถานออกกำลังกายแห่งหนึ่งในเมืองไทยเมื่อปี 2548 ตามหนังสือสัญญาต้องเป็นสมาชิกนาน 1 ปี และต้องจ่ายค่าแรกเข้าเป็นจำนวนเงินสำหรับ 3 เดือนแรก ดิฉันจ่ายเงินสำหรับ 3 เดือนแรกไป และได้สอบถามทางตัวแทนขายว่า ถ้าดิฉันมีเหตุ เช่นต้องเดินทางไปอยู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ดิฉันจะสามารถยกเลิกสภาพสมาชิกได้หรือไม่ ทางตัวแทนขายบอกว่าได้ ดิฉันก็ได้ตกลงใจเชื่อตามนั้น และได้ลงชื่อสมัครสมาชิกไป

    ในวันถัดมาดิฉันได้ไปสมัครเพื่อใช้บริการ Personal Trainer เพิ่มเติม และในคืนนั้นเอง ดิฉันได้ทราบว่าจะต้องเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ ภายใน 3 เดือน ดิฉันจึงได้โทรศัพท์ไปทางสถานออกกำลังกายเพื่อแจ้งว่า ดิฉันไม่สามารถที่จะอยู่ใช้บริการได้ และต้องการยกเลิก Personal Trainer เนื่องจากทางตัวแทนขายได้แจ้งดิฉันว่าดิฉันมีสิทธิที่จะทำได้ทางเค้าบอกมาว่า ได้ตัดบัตรเครดิตของดิฉันไปแล้ว (ภายในเวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง) ให้ดิฉันไปติดต่อกับบัตรเครดิตเอง ดิฉันก็ทำหนังสือ dispute รายการใช้จ่ายนั้น ซึ่งเป็นจำนวนเงิน 10000 บาท ไป หลังจากนั้นก็ได้รับทราบจากตัวแทนทางบัตรเครดิตว่า กำลังดำเนินเรื่องอยู่ แล้วดิฉันก็ได้เดินทางมาอยู่ต่างประเทศตั้งแต่นั้นมา คำถามของดิฉัน ก็คือ

    1. ทางบ้านของดิฉันที่เมืองไทย ได้รับหนังสือจากทางทนายความของบัตรเครดิตว่า ให้ดิฉันไปชำระเงินจำนวนนั้น ทั้งๆที่ดิฉันยังไม่ได้รับคำตอบจากการที่ดิฉันยื่นเรื่องขอ dispute รายการไป อาจารย์ว่าดิฉันควรจะต้องไปชำระเงินจำนวนนั้นหรือไม่คะ ทั้งๆที่ดิฉันไม่ได้ไปใช้บริการ Personal Trainer นั้นแม้แต่ครั้งเดียว

    2. ทางบริษัทบัตรเครดิตจะทำการฟ้องดิฉันหรือไม่ และถ้าจะฟ้องต้องฟ้องภายในระยะเวลาเท่าใดคะ

    3. เนื่องจากในสัญญากับทางสถานออกกำลังกาย ดิฉันจะต้องเป็นสมาชิกเป็นจำนวน 1 ปี แต่ดิฉันได้ใช้บริการและจ่ายค่าสมาชิกไปเพียง 3 เดือนเมื่อแรกเข้า และไปใช้บริการในระยะไม่ถึง 3 เดือน ทางบริษัทจะสามารถฟ้องดิฉันเรื่องการผิดสัญญาได้หรือไม่คะ แล้วต้องฟ้องภายในระยะเวลาเท่าใด ดิฉันเคยลองสอบถามไปทางเค้าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นใหม่ๆ เพื่อให้ทางตัวแทนขายที่ขายสมาชิกภาพให้ดิฉันเป็นพยานว่าได้แจ้งดิฉันเรื่องการยกเลิกสมาชิก แต่ทางสถานออกกำลังกายแจ้งว่า พนักงานขายคนนั้นได้ลาออกไปแล้ว

    สำหรับตัวดิฉันเองก็ไม่ได้มีความคิดจะหนีหนี้หรืออะไรอย่างนั้นเลยค่ะ เพราะอันที่จริงแล้วดิฉันก็สามารถที่จะชำระหนี้จำนวนนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา เพียงแต่ดิฉันมีความรู้สึกว่า ดิฉันเป็นผู้บริโภค ดิฉันน่าจะมีสิทธิในการใช้สิทธิของความเป็นผู้บริโภคโดยที่ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ดิฉันอาจคิดไม่ถูกต้องในเรื่องนี้ แต่ก็อาจจะมาจากความที่ไม่รู้กฏหมายอย่างกระจ่างนัก

    ขอความกรุณาอ.ช่วยตอบข้อข้องใขของดิฉันด้วยนะคะ

    ขอบคุณอย่างสูงค่ะ  

     

    คำตอบ

    เรียน คนไกลบ้าน

    1. เรื่องของคุณเป็นสองส่วน ส่วที่หนึ่งเกี่ยวกับบริษัทออกกำลังกาย ซึ่งเมื่อคุณทำสัญญากับเขาแล้ว คุณก็ต้องชำระเงินตามสัญญา ส่วนที่สองเกี่ยวกับบริษัทบัตรเครดิต การที่คุณแจ้งบริษัทบัตรเครดิตไม่ให้จ่ายเงินนั้นจึงเป็นเรื่องระหว่างคุณกับบริษัทบัตรเครดิต ถ้าเขาได้รับแจ้งให้ปฏิเสธการจ่ายเงิแล้ว ยังไปจ่าย คุณก็ไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินให้เขา ข้อสำคัญต้องตรวจสอบดูว่าเขาหักเงินจากคุณก่อนหรือหลังการแจ้งของคุณ 

    2.เมื่อบริษัทบัตรเครดิตมาเรียกเก็บเงินจากคุณ ๆ จึงควรโต้แย้งในเรื่องงที่ได้แจ้งให้เขาปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว

    3. คำตอบข้อนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของสัญญา ว่าสามารถบอกเลิกก่อนครบกำหนดได้มากน้อยเพียงไร 

          ผมรู้สึกว่ากิจการการออกกำลังกายนี้กำลังเป็นปัญหาของสังคมอย่างหนึ่ง เพราะดูเหมือนจะมีความสามารถโน้มน้าวใจคนให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกได้เก่งอย่างมาก ๆ และมีคนหลงเข้าเป็นสมาชิกเป็นจำนวนไม่น้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเอาเงินนั้นไปซื้อเครื่องมือมาเช่นเองก็อาจจะถูกกว่า


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    3 มิถุนายน 2552