อาจารย์ครับ
ผมมีบุตรและต้องจดทะเบียนกับภรรยา ก่อนแต่งงานเธอรักและเอาใจผมมาก แต่พอหลังจากแต่งงาน เธอเปลี่ยนไปมากเธอหงุดหงิดง่ายโดยเอาโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน มาเป็นข้ออ้างอยู่เสมอ ๆ ว่าทำให้หงุดหงิดง่าย เธอด่าผมตลอด ด่าต่อหน้าทุกคนโดยไม่ให้เกียรติผมเลย(ผมเคยปรึกษาเพื่อนๆที่เป็นหมอว่า ผู้ป่วยเบาหวานต้องมีอาการหนักแบบนี้หรือไม่ เพื่อนที่เป็นหมอบอกว่าไม่ใช่ เพราะผู้ป่วยยังสามารถทำงาน มีจิตใจที่ดี กรณีของผมเธอเอาอาการมาขู่ผมเพื่อให้ผมเอาใจเธอตลอดเวลา) ผมอยู่บ้านต้องผิดโทรศัพท์มือถือ ห้ามไม่ให้คุยกับผูหญิงอื่นๆเลย หากต้องออกจากบ้านต้องมีลูกตามไปด้วยทุกครั้ง หากไม่มีลูกไป โทรศัพท์ห้ามปิด เธอจะโทรหาผมทุก 5 นาที ชีวิตผมที่ผ่านมา เช้าของทุกวันอาบน้ำแต่งตัวให้ลูก พาลูกไปส่งโรงเรียน เลิกงานต้องไปรับลูก พาลูกไปกินข้าว พาลูกเข้านอน ส่วนเธอไปร้านเสริมสวย ซื้อเสื้อผ้า ไม่ต้องทำงานบ้านใดๆเลย และอีกอย่างคือ เมื่อผมให้เงินกับน้องสาวหรือพ่อแม่ เธอจะไม่พอใจ จะด่าว่าต่อหน้าผม น้อง และแม่ มีครั้งหนึ่งย่าผมไม่สบายอาการหนัก ทางบ้านผมโทรมาที่เลขหมายของเธอๆไม่บอกผมสักคำ(โทรศัพท์ผมต้องปิดเมื่ออยู่บ้าน) จนแม่ต้องขับรถมาตามที่บ้านซึ่งผมไปก็สายแล้ว ตลอดเวลาที่อยู่กับเธอๆให้ผมกู้เงินและเป็นหนี้ในชื่อของผม และสินทรัพย์ทุกอย่างเป็นชื่อของเธอทั้งหมดยกเว้นบ้านที่ชื่อร่วมกัน ผมทำงานราชการ หัวหน้าชวนผมไปเรียนหนังสือ ผมมีเพื่อนหญิงในกลุ่มที่สนิทกัน เธอไปที่บ้านของเพื่อนหญิงคนนี้ไปบอกสามีเธอว่าเพื่อนหญิงกับผมมีอะไรกัน จนครอบครัวของเพื่อนหญิงมีปัญหากัน ตอนนั้นผมโกรธมาก ผมไม่พูดกับเธอนานพอสมควร และอีกเหตุการณ์คือผมไปติวหนังสือให้รุ่นน้องและน้องมาส่งที่บ้าน ซึ่งเธอเห็นเธอก้อถามว่าใคร ทำงานที่ไหน จากนั้นวันรุ่งขึ้นเธอโทรไปนัดน้องคนนี้ว่าผมจะพาไปทานข้าว แล้วเธอก็ไปหาน้องคนนี้ที่ทำงาน จากนั้นใช้สายตาและคำพูดดูถูกน้องเค้า และยังโทรศัทพ์ไปถามข้อมูลส่วนตัวของน้องเค้ากับเพื่อนที่ทำงาน จนพ่อแม่น้องเค้าโทรมาด่าผม ผมเองอับอายจนไม่รู้จะทำอย่างไร เวลาที่เรามีปัญหากัน เธอจะใช้วิธีการคือเอามีดจะปาดข้อมือ ปาดคอตัวเอง ซึ่งเธอใช้มันได้ผลทุกครั้ง ทำให้ผมยอมเธอทุกอย่าง แต่ในใจผมๆเริ่มทนนิสัยเธอไม่ได้ บางครั้งผมเองอาจนอกลู่นอกทางบ้างเพราะถูกกดดันแต่ไม่คิดจะเลี้ยงดูใคร ความคิดหลายๆครั้งคิดจะไปจากเธอหลายครั้งแล้วแต่สงสารลูก ทำให้ทนอยู่มา จนลูกอยู่ป.4 และเมื่อ 2 ปีที่แล้วผมทนนิสัยที่เห็นแก่ตัวของเธอไม่ได้อีก จึงขนเสื้อผ้าบางส่วนมาเพื่อกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านเพื่อให้เธอสำนึกบ้าง จากนั้น 1 อาทิตย์เธอกลับขนข้าวของเครื่องใช้ของผมทั้งใส่ถุงดำให้รถมาส่งไว้ที่หน้าบ้านพ่อแม่ผม เธอเปลี่ยนกุญแจไม่ให้ผมเข้าบ้านอีก และเอารถยนต์ที่ผมยังต้องผ่อนอยู่นะวันนี้เพราะไปกู้เงินมาซื้อ ไปขายได้เงินประมาณ 3แสนบาทเธอก้อเอาไปใช้คนเดียว เธอด่าว่าพ่อแม่ผมว่าเป็นคนป่าไร้การศึกษา ทั้งๆที่มายืมเงินพ่อแม่ไปตั้ง 5-6หมือนบาทเพื่อไปออกดอกแต่ไม่คืน และยังทำอะไรหลายอย่างที่พ่อแม่รู้สึกอับอาย จนพ่อไม่ให้เธอเข้าบ้านอีกเลย
ตอนแรกที่ผมออกมาผมก้อเงินลูกใช้ทุกเดือนๆละ 2000บาท ค่าเทอม ค่าเสื้อผ้าและอื่นๆของลูกผมดูแลให้หมด แต่เธอเป็นคนนิสัยแย่ที่ปากคือจะพูดในทางตรงกันข้ามเสมอ จนเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ผมงดให้ทุกอย่างกับลูก เพื่อให้เธอหยุดพูดแต่ไม่สามารถแก้นิสัยด้านร้ายของเธอได้เลย ล่าสุดลูกผมบอกกับทุกคนว่าผมเป็นเอดส์เพราะสำส่อน และอื่นๆอีกที่เธอสอนลูกเพื่อพูดจาให้ร้ายผม แม้ตอนนี้หากผมมีเพื่อนผู้หญิง เธอจะไปหาเพื่อนผมที่บ้านทุกคนและเริ่มอาการเดิมของเธอคือด่าและดูถูกเพื่อนของผม บางคนกลัวก้อเลิกคบผมไป แต่มีเพื่อนบางคนที่เข้าใจ ก็ยังเป็นเพื่อนคุยกับผม เพราะเห็นว่าเธอนั้นทำเกินไป
ในเรื่องของลูกผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างตามที่กฎหมายกำหนด แต่ผมต้องการหย่าให้จบเรื่องเร็วที่สุด เพราะตอนนี้เงินเดือนผมยังถูกหักหนี้ที่เธอให้ผมกู้มา ตอนนี้ ผมมีเงินเหลือเดือนละ6พันกว่าบาท ให้พ่อแม่อีก 3000 เหลือใช้เองเพียง 3000 บาท หากหย่าแล้ว ผมพอจะทำงานอย่างอื่นเพื่อมีรายได้เลี้ยงตัวเองและชำระหนี้ที่เหลือ รบกวนอาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วยครับ
เรียน ผู้ตกที่นั่งลำบาก
ถ้าเรื่องที่เล่ามาเป็นความจริง และมีพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ ก็เป็นเหตุให้หย่าได้