บิดาของดิฉันมีที่ดิน(สค 1)ครอบครองร่วมกันกับน้องชายโดยที่ภรรยากับลูกๆไม่เคยรู้มาก่อนว่ายังมีที่ดินเหลืออีก 1 แปลงเพิ่งมาทราบเมื่อเดือน เม.ย.2552 เนื่องจากลูกสาวของน้องชายบิดามาบอกให้น้องสาวดิฉันไปเซนต์เอกสารที่ที่ดินโดยบอกว่าไปเซนต์พยานว่ารู้จักกันในขณะนั้นน้องสาวดิฉันเป็นเนื้องอกที่หูข้างหนึ่งและแก้วหูทะลุอีกข้างหนึ่ง และสายตายาวไม่ได้นำแว่นตาไปจึงให้อ่านเอกสารให้ฟังได้ยินไม่ค่อยชัดเจนจึงเซนต์ชื่อเป็นพยานแต่บังเอิญไปอ่านลายเซนต์บิดาว่าเป็นเจ้าของที่ดิน(ลายเซนต์เขียนตัวโต)จึงโทรมาบอกดิฉันๆจึงให้น้องชายไปขอดูเอกสารที่ที่ดินจึงรู้ว่ามีการปลอมลายเซนต์บิดาว่าได้ขายให้น้องชาย(อาของดิฉัน)ตั้งแต่ปี 2501โดยไม่มีหนังสือการซื้อขายเพียงแต่เขียนไว้ในเอกสาร บิดาดิฉันเสียชีวิตเผาศพวันที่ 31 มี.ค. 34 ในวันที่ 1 เม.ย.34 ลูกสาวอาได้นำเอกสารมาให้มารดาดิฉันเซนต์บอกว่าซื้อที่ดินมาช่วยเป็นพยานให้ด้วย(ได้ไปขอทำโฉนดหลายครั้งตั้งแต่ปี 34-ปัจจุบันยังทำไม่ได้)ขอถามปัญหาดังนี้ 1.มารดาของดิฉันสามารถร้องขอต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกได้หรือไม่ 2. กรณีแบบนี้จะหมดอายุความหรือไม่เนื่องจากมีการปกปิดมาตลอดและมีเจตนาฉ้อโกงโดยปลอมลายเซนต์บิดาและกำนัน 3.มีวิธีอย่างไรบ้างที่สามารถต่อสู้คดีได้ ขณะนี้อาของดิฉันได้เสียชีวิตไแแล้ว ทายาทโดยธรรมอันดับ 1ได้แก่มารดาของดิฉัน
ขอบพระคุณมาล่วงหน้า
1. ถ้าที่ดินนั้นยังเป็นของบิดาคุณอยู่ ก็ไปร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกได้ แต่น่าสงสัยว่าจะยังเป็นของบิดาคุณหรือไม่ ควรตรวจสอบเอกสารดูให้ดี
2. เขาไม่ได้เป็นทายาท เนื่องจากบิดาคุณมีคู่สมรสและมีบุตรแล้ว จึงไม่เกี่ยวกับอายุความ
3. คุณเป็นทายาทโดยธรรมของบิดาคุณ ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของ อา
คำถามนี้ตอบไปตามอักษรที่ถามมา แต่ค่อนข้างวกวน ไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจคำถามถูกต้อง