การฟ้องคดีอาญาข้าราชการ
กราบเรียน อาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์
อาจารย์ครับ ผมเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งผู่อำนวยการสถานศึกษา ได้ส่งผลงานทางวิชาการเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะ (เลื่อนระดับ) ในการตรวจผลงานหน่วยงานต้นสังกัดต้องแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสามคน เพื่อตรวจผลงาน และมีข้อกำหนดว่าหากผลงานผ่านเกณฑ์หรือไม่ผ่านเกณฑ์ก็ตาม ให้ผู้ตรวจผลงานแจ้งเหตุผลแก่เจ้าของผลงานทราบ
ก่อนทำผลงานผมได้ศึกษาเกณฑ์เป็นอย่างดี ผมได้ทำตามเกณฑ์แล้ว ผลกรตรวจของกรรมการให้ผลงานของผมไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่ออ่านเหตุผลหรือข้อสังเกตของคณะกรรมการซึ่งมี 5 ข้อ พบว่า เป็นข้อสังเกตที่เป็นเท็จทั้งหมด ดังนี้
1. กล่าวหาว่าผมจัดทำเอกสารสรุปผลการปฏิบัติงานน้อยเกินไป และไม่ครบตามหัวข้อ ข้อเท็จจริงคือ ข้อกำหนดหรือเกณฑ์ของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดว่าให้ทำเอกสารส่วนนี้ 5-10 หน้า โดยไม่ให้มีภาคผนวก ผมทำไป 6 หน้า ไม่มีภาคผนวก ส่วนหัวข้อต่าง ๆ ผมได้ทำรบทุกหัวข้อไม่ตกหล่น ผมจึงไม่ได้ทำผิดข้อกำหนดใดเลย
2. กล่าวหาว่าการมีส่วนร่วมของชุมชนในบทที่ 2 ของผลงานวิจัย มีน้อยเกินไป ข้อเท็จจริง คือ เนื้อหาในส่วนนี้มีความยาว 2 หน้ากระดาษ หากพิจารณาถึงเนื้อความที่สื่อสาร มีความสมบูรณ์พอที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าชุมชนควรมีส่วนร่วมอย่างไรในการจัดการศึกษา (หน้า 51-52) ก่อนที่จะกล่าวถึงหัวข้อนี้ ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม (Progressivism) ซึ่งมีการกล่าวถึงการจัดการศึกษาในโรงเรียนที่จำเป็นจะต้องมีความสอดคล้องกับความเป็นอยู่ในชุมชนและสังคม (หน้า 47- 51) และ ก.ค.ศ.มิได้กำหนดความยาวหรือจำนวนหน้าของเอกสารในส่วนนี้ว่าต้องมีจำนวนกี่หน้า จึงสามารถยืนยันได้ว่าเนื้อหาในส่วนนี้มีความสมบูรณ์พอ
3. กล่าวหาว่าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่อ้างไม่มีการสรุปว่าส่วนใดนำมาใช้ในงานวิจัย ควรสรุปผลทุกข้อที่นำมาเสนอ ข้อเท็จจริงคือ หัวข้อหลักในบทที่ 2 มีจำนวน 10 หัวข้อ ทุกหัวข้อเกี่ยวข้องกับผลงานวิจัย เป็นไปตามหลักการทำผลงานทางวิชาการ เมื่อจบแต่ละหัวข้อหลัก ข้าพเจ้าได้สรุปทุกครั้ง
4. กล่าวหาว่างานวิชาการไม่มีหลักฐานการเผยแพร่ ข้อเท็จจริงคือ หลักฐานการเผยแพร่ ได้นำเสนอเป็นผลงานเอกสารโครงงาน(รายงานผลการทดลองที่นักเรียนค้นพบ) นอกจากนี้ได้นำเสนอเป็นรูปภาพกิจกรรม การจัดนิทรรศการ ซึ่งการจัดนิทรรศการมีทั้งจัดที่โรงเรียนและนำเสนอนอกสถานที่ ทั้งต่างจังหวัดและที่กรุงเทพมหานคร หลักฐานทุกอย่าได้แนบไว้ในผลงานทางวิชาการด้วยแล้ว
ทั้งนี้การเผยแพร่ในวงวิชาการ ก.ค.ศ. ระบุว่าสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น เอกสาร วารสาร การนำเสนอต่อที่ประชุม การจัดนิทรรศการ เป็นต้น
5. กล่าวหาว่างานวิชาการเป็นการวิจัยสาขาอื่นมากกว่าสายบริหารสถานศึกษา ข้อเท็จจริงคือ
ข้าพเจ้าได้ศึกษาเกณฑ์และยึดรูปแบบการทำผลงานทางวิชาการ จากเอกสารคู่มือการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้จัดทำประกอบการอบรมเมื่อวันที่ 4 8 มิถุนายน 2550
ซึ่งคู่มือดังกล่าวได้ระบุไว้ชัดเจนในหน้า 69 ความว่า
ผลงานทางวิชาการของสายงานบริหารสถานศึกษา หมายถึง เอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา ที่แสดงถึงความชำนาญหรือเชี่ยวชาญและเป็นประโยชน์ในการบริหารสถานศึกษาหรือจัดการศึกษาได้เป็นอย่างดี โดยมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้อดังนี้
1) เป็นผลงานที่เกี่ยวกับบริหารสถานศึกษา ได้แก่ ด้านวิชาการ
บริหารแผนและงบประมาณ บริหารบุคคล และด้านการบริหารทั่วไป
2) เป็นผลงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือสาขาวิชาต่าง ๆ
ทั้งนี้ผลงานทางวิชาการที่ผมจัดทำ เข้าข่ายทั้งสองลักษณะ คือ
- จัดเป็นผลงานเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา ด้านวิชาการ เพราะ
ได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียน เป็นการบริหารงานวิชาการโดยตรง
- จัดเป็นผลงานเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา ด้านการบริหารบุคคลเพราะโรงเรียนที่ผมปฏิบัติหน้าที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีครูเพียง 4 คน มีปัญหาขาดแคลนครู การเชิญวิทยากรภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นปราชญ์ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา จึงเข้าข่ายการบริหารงานบุคคล อีกรูปแบบหนึ่ง
- จัดเป็นผลงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือสาขาวิชาต่าง ๆ เพราะนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้ผ่านการทำโครงงาน นำไปสู่การคิดแก้ปัญหาแบบบูรณาการหลายกลุ่มสาระการเรียนรู้ สร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้งในด้านคุณธรรม และวิชาการ
โรงเรียนที่ผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ มีผลการประเมินคุณภาพจาก สมศ. รอบแรก ในมาตรฐานที่ 4 อยู่ในระดับ ปรับปรุง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องแก้ปัญหา หรือพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง ซึ่งทักษะการแก้ปัญหา เป็นทักษะการคิดระดับสูงที่ต้องมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ไตร่ตรอง คิดสร้างสรรค์ หากไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการประเมินคุณภาพของ สมศ.ในรอบสอง
ที่กล่าวมาจึงสมเหตุสมผลในเชิงของการเลือกหัวข้อที่จะทำวิจัย ซึ่งมาจากความจำเป็น สภาพปัญหาที่หน่วยงานเผชิญอยู่ เป็นภาวะที่ผู้บริหารต้องหาทางแก้ไข ข้อสังเกตของกรรมการจึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริง ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
อาจารย์ครับผมต้องการความยุติธรรม แต่ไม่พร้อมที่จะฟ้องศาลปกครอง ซึ่งหากต้องฟ้องศาลปกครองไม่สามารถฟ้องบุคคลได้ ผมต้องฟ้อง คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) ซึ่งเป็นองค์กรหรือคณะบุคคลที่พิจารณาผลการตรวจผลงานต่อจากคณะกรรมการแล้วลงมติว่าให้ผลงานของผมไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ช่วงนี้ผมจะขอย้ายโอนไปอยู่ต่างกรม หากผมฟ้องไปแล้ว อ.ก.ค.ศ. ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาเรื่องย้ายโอนด้วย อาจกลั่นแกล้งผมไม่ให้ย้ายโอนได้
ดังนั้นผมจึงประสงค์จะฟ้องบุคคลที่เป็นกรรมการตรวจผลงาน ซึ่งการฟ้องบุคคลต้องฟ้องต่อศาลอาญา (ใช่หรือไม่ครับ) ผมอ่านประมวลกฎหมายอาญาแล้ว การกระทำของคณะกรรมการสามคนที่ตรวจผลงานของผม เข้าข่ายทำผิดมาตราต่อไปนี้หรือไม่ครับ
มาตรา 157 , 165 , 267 , 269 , 326 , 341 , 342 , 343 และความผิดลหุโทษ มาตรา 368 390
อาจารย์ช่วยวินิจฉัยด้วย รายละเอียดอาจจะมากไปนะครับอาจารย์แต่ผมเรียบเรียงมาดีแล้ว ไม่ตัดทอนเพราะต้องการให้อาจารย์เห็นที่มาที่ไป ผมรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อนะครับ
ด้วยความเคารพ
ข้าราชการชั้นผู้น้อย |