คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด(ต่อ)
เรียนอาจารย์มีชัยที่เคารพอย่างสูง
จากคำถามที่034912 เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2552 ถามว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดี เป็นเงินเท่ากับเงินที่ได้มัดจำ บวกค่าใช้จ่ายอื่นๆ นั้นหมายความรวมถึงการยกเลิสัญยาซื้อขายด้วยหรือไม่ อาจารย์ตอบว่าน่าจะเป็นการยกเลิกการซื้อขายด้วย มิฉะนั้นจะให้คืนค่ามัดจำทำไม แต่อย่างไรก็ตามต้องดูตอนฟ้องว่าได้มีคำขอว่าอย่างไร และคำพิพากษาโดยละเอียดว่าอย่างไร นั้น ดิฉันจึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
1.ดิฉันฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษา หรือมีคำสั่ง ดังนี้
1.1 ให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดิน
1.2 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินจำนวน25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5ต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ฟ้องคดี
2. ศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัย 2 ประเด็น
2.1 การที่เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดฯดำเนินการบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด และทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทนั้นเป็นการก่อให้เกิดความรับผิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา แม้ผู้ฟ้องคดีจะประมาทเลินเล่อมิได้ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่จะซื้อ จึงหาได้ทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งดำเนินการโดยฝ่าฝืนต่อระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ.2522 หลุดพ้นจากความรับผิดชอบไปได้
2.2 ในกรณีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดฯ ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีหรือไม่ เพียงใด
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายดังนี้ ค่าเสียหายที่ถูกริบเงินมัดจำกำหนดให้จำนวน 20,000 บาท สำหรับค่าเสียหายอื่นๆเห็นสมควรให้กำหนดจำนวน 5,000 บาท(ตามที่ได้ร้องขอ) การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีเป็นนเงินทั้งสิ้น 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่31 มกราคม 2547(วันทำสัญญาซื้อขาย) จนกว่าชำระเสร็จ และคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่ผู้ฟ้องคดี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากต้องฟ้องศาลแพ่ง คดีนี้ยังมีอายุความหรือไม่ (ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา วันที่ 5 มี.ค. 2552 นัดฟังคำพิพากษา 29 เม.ย. 2552 )
ดิฉันขอขอบพระคุณอย่างสูงล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถือ
ผู้ไม่รู้
14 พ.ค. 2552 |