ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    035033 ปรึกษาเรื่องบ้านที่เป็นหนี้ธนาคาร..ตอนนี้เรื่องส่งไปที่ศาลแล้ว (2)คุ้กกี้13 พฤษภาคม 2552

    คำถาม
    ปรึกษาเรื่องบ้านที่เป็นหนี้ธนาคาร..ตอนนี้เรื่องส่งไปที่ศาลแล้ว (2)

    ขอบคุณอาจารย์ที่ตอบคำถามให้ค่ะ..

    ดิฉันยังมีเรื่องสงสัยอยู่ค่ะ..กรณีไม่สามารถชำระได้แล้วบ้านต้องโดนขายทอดตลาด..แล้วจะกระทบบ้านอีกหลังที่ผ่อนอยู่.

    อยากถามอาจารย์ว่าบ้านที่ยังผ่อนอยู่กับธนาคารเค้าจะยึดได้เหรอคะ..แล้วหลังจากนั้นเราจะยังต้องผ่อนบ้านหลังที่กระทบอยู่หรือป่าวคะ (จากเนื้อหาด้านล่าง)

    แล้วการเป็นบุคคลล้มละลายยังสามารถทำงานเป็นพนักงานบริษัทได้เหมือนเดิมหรือเปล่า เงินเงินจะต้องโดนอายัดด้วยหรือป่าวคะ

    ในกรณีของดิฉันอยากให้อาจารย์แนะนำทางออกที่ดีที่สุดให้หน่อยค่ะว่าควรจะทำอย่างไรดี

    ขอบคุณค่ะ

    ปรึกษาเรื่องบ้านที่เป็นหนี้ธนาคาร..ตอนนี้เรื่องส่งไปที่ศาลแล้ว

    สวัสดีค่ะอาจารย์มีชัย

    ดิฉันมีเรื่องเดือดร้อนจะปรึกษาค่ะ..ต้องเรียนเล่าเรื่องดังนี้ค่ะ..ดิฉันผ่อนบ้านอยู่กับธนาคารทหารไทย 2 หลัง..หลังแรกผ่อนมาได้ 3 ปีแล้ว..จ่ายทุกเดือนไม่มีผิดนัด..ส่วนอีกหลังนึงน้องชายไปซื้อเพื่อจะทำธุรกิจโดยใช้ชื่อน้องชายอีกคนและชื่อดิฉันเป็นผู้กู้ร่วม..หลังจากนั้นมาน้องชายคนเล็กทำธุรกิจไม่รอด..ไม่ได้ผ่อนบ้านมา 1 ปี แล้ว..และทางธนาคารได้ส่งจดหมายมา..ดิฉันก็ติดต่อไปยังสาขาย่อยเพื่อจะทำเรื่องขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้..แต่ทางสำนักงานใหญ่ก็เงียบไปนานมาก..จนดิฉันได้โทรไปที่สาขาย่อยอีกอยู่เรื่อย ๆ ว่าทำไมไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่โทรมาเลย..

    จนกระทั่งเช้านี้ทางธนาคารสาขาย่อยโทรมาแจ้งว่าทางสำนักงานใหญ่ได้ดำเนินการฟ้องร้องแล้ว..ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ..บ้านหลังที่ดิฉันอยู่ก็ยังผ่อนอยู่กับธนาคารทหารไทยเหมือนกัน..แต่ไม่เคยผิดนัดเลย..แต่อีกหลังไม่ได้จ่ายเลย..และดิฉันก็จ่ายไม่ไหวหรอกค่ะ..น้องชายก็ไม่ยอมจ่าย..

    ดิฉันอยากเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    1.  เรื่องถึงศาลแล้วเราจะยังขอประนอมหนี้กับแบงก์ได้ไม๊คะ..

    2.  มันจะกระทบกับบ้านอีกหลังที่ดิฉันผ่อนอยู่หรือป่าวคะ

    3.  ถ้าไม่สามารถประนอมหนี้ได้..บ้านต้องโดนยึดขายทอดตลาดไม๊คะ..

    4.  ดิฉันจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายหรือป่าวคะ

    ตอนนี้ดิฉันกลุ้มใจมากเลยค่ะ..หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อแท้ ๆ..

    ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

    คำตอบ

    เรียน คุ้กกี้

    1. การประนอมหนี้นั้นก็คือการเจรจาผ่อนปรนหรือออมชอมกัน ดังนั้นจะเจรจาหรือผ่อนปรนหรือออมชอมกันเมื่อไรก็ทำได้

    2. ถ้าคุณตกลงชำระหนี้กับเขาไม่ได้ และในที่สุดเขาฟ้องร้องบังคับให้ชำระหนี้ หรือยึดบ้านไปขาย หากขายได้ไม่เพียงพอกับการชำระหนี้ (ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่พอ เพราะดอกเบี้ยในอัตราโหดจะเดินทุกวัน) เขาก็จะมาตามยึดบ้านอีกหลังหนึ่งของคุณเพื่อนำไปชำระหนี้ 

    3. แน่นอน

    4. ขึ้นอยู่กับว่ามีหนึ้ถึงล้านหรือไม่ และคุณมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    13 พฤษภาคม 2552
    คำตอบ

    1.  ถ้าเขาจะยึดก็ย่อมยึดได้ แต่การที่เขาจะยึดหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหนี้ว่าการยึดมาแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์กับเขาหรือไม่ ถ้าเป็นประโยชน์ เช่นขายแล้วได้เงินมากกว่าที่ยังเป็นหนี้ธนาคารอยู่ เขาก็คงยึดมาขายเพื่อเอาส่วนต่างไปชำระหนี้ของเขา

    2. เมื่อเป็นคนล้มละลายแล้ว การจัดการทรัพย์สินทั้งปวงย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ส่วนการทำงานนั้นก็ทำได้ เว้นแต่บริษัทเขาจะรังเกียจหรือเขาเห็นว่าจะเป็นปัญหากับเขา ๆ ก็อาจให้ออกจากงานได้

    3. ทางออกที่ดีก็คือ หาทางผ่อนส่งบ้านหลังที่สอง หรือหาทางหาคนที่เขาประสงค์จะซื้อเพื่อรับไปผ่อนต่อให้ได้

        การที่ตัวเองผ่อนส่งบ้านอยู่หลังหนึ่งแล้ว ยังใจกล้าไปเข้าชื่อเป็นผู้กู้ร่วมให้คนอื่น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่อยู่ในฐานะที่จะส่งต่อได้ แสดงว่า ไม่ได้คิดอะไรให้รอบคอบ คงคิดแต่เพียงว่าไม่เป็นไร เจ้าของที่แท้จริงเขาคงส่งเงินเอง โดยไม่ได้คิดเผื่อว่าถ้าเขาล้มหายตายจาก หรือหมดปัญญาผ่อนส่ง ตัวเองจะทำอย่างไร


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    13 พฤษภาคม 2552