เรียนคุณมีชัยที่เคารพ
มีกิจการให้เช่าอพาร์เม้นท์เป็นรายเดือน จ้างพนักงานดูแลส่วนตัวเข้าไปเก็บเงินค่าเช่าบ้างเป็นครั้งคราวไม่ได้กำหนดวันแล้วแต่ว่าจะมีคนจ่ายและค่าเช่าให้หย่อนลงตู้เซฟ ทราบภายหลังว่าเขาไม่ได้นำเงินค่าเช่าส่งให้ทั้งหมด ส่งบ้างบางห้องและบางห้องอยู่ 2 เดือนแต่ส่งเดือนเดียวก็มี ด้วยว่าไม่ได้อยากให้ใครติดคุกติดตะรางและลูกจ้างก็ตกลงชดใช้ให้เป็นรายเดือนๆไปจนกว่าจะหมดหนี้ต่อกัน จึงให้เขาลงชื่อในสัญญาเงินกู้สามัญที่ซื้อขายใช้กันอยุ่ทั่วไป โดยมีการระบุไว้ในส่วนที่ว่างของหนังสือว่า ตัวเขาขอชดใช้ซึ่งเป็นเงินค่าเช่าที่ไม่ได้นำส่งให้แก่ดิฉันนับจากวันที่เขาเข้ามาทำงานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งดิฉันยินยอมตกลงให้ชำระเป็นแบบกู้ยืมเงินโดยทำหนังสือสัญญากู้ยืมเป็นหลักฐาน ที่เหลือให้ผ่อนส่งเป็นงวดๆไปจนครบ 5 ปี
ขอเรียนถามคุณมีชัยดังนี้ค่ะ
1. ลูกจ้างมีความผิดอย่างไรค่ะ
2.ถ้าดิฉันเปลี่ยนใจเอาเรื่องขึ้นมาทีหลัง จะให้ร้อยเวรดำเนินคดี ลูกจ้างสามารถจะใช้สัญญาเงินกู้ถือเป็นหลักฐานการยอมความในครั้งนั้นได้หรือไม่ เพราะมีการเซ็นชื่อกันทั้งสองคน ตัวดิฉันและตัวเขา
3.ปัจจุบันเขายังผ่อนอยู่แต่ไม่ครบจำนวนเนื่องจากยอดเงินที่ดิฉันกำหนดค่อนข้างสูง เลยคิดว่าถ้าดำเนินคดีเขาและครอบครัวคงจะกลัวคุกตะรางบ้าง น่าจะรีบหาเงินมาใช้ให้เร็วขึ้นได้
4.จากเอกสารที่ทำด้วยกันถือว่า ยอมความกันเองใช่ไหม? การทำแบบนี้กฏหมายรับรองเป็นหลักฐานได้หรือเปล่า? การยอมความกันน่าจะมีผลเฉพาะที่โรงพักหรือไม่ก็ในศาล
กราบขอบพระคุณค่ะ
เรียน คนโง่
1. เดิมเขาก็ทำท่าว่าน่าจะผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่เมื่อคุณได้ไปตกลงเปลี่ยนเป็นเงินกู้ยืมเสียแล้ว เขาก็ไม่ผิดอะไร
2. เมื่อไปตกลงเป็นเงินกู้แล้ว ก็ไปเอาผิดเขาไม่ได้
3. มาคิดตอนนี้ก็คงสายไปแล้วกระมัง
4. ยอมความที่ไหน ๆ ก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปที่โรงพักหรือศาลหรอก