-จำเลยมี ๒ คดี (เหตุเกิดคนละวันคนละท้องที่) ฟ้องในราวปี ๔๒-๔๓ (แยกฟ้อง)
-คดีแรก ศาลฎีกาพิพากษาเมื่อ ๑๖ ส.ค. ๔๗ จำคุก ๑๐ ปี (ได้อภัยมาแล้ว ๒ ครั้ง คือปี ๔๙ และ ๕๐ คงเหลือในหมายจำคุก ๕ ปี ๔ เดือน กำหนดพ้นโทษ ๑๑ ธ.ค. ๕๒
-คดีสอง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อปี ๔๕ (ศาลอนุญาตถอนประกัน ทำให้ช่วงที่อยู่ระหว่างอัยการอุทธรณ์ไม่มีการประกันตัว และขณะเดียวกันก็มาอยู่ในเรือนจำของคดีแรก (๑๖ ส.ค. ๔๗) จากนั้นเมื่อ ๑๕ ส.ค. ๔๙ (ตัวอยู่ในเรือนจำ) ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับจำคุก ๑๒ ปี และให้นับโทษต่อจากคดีแรก จำเลยยืนประกันตัวในคดี ๒ (เพื่อที่จะขอให้ควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเดิม ซึ่งมีอำนาจควบคุมได้ไม่เกิน ๑๐ ปี) ต่อมาเมื่อ ๕ เม.ย. ๕๒ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์แต่ไม่ต้องนับโทษต่อ
ถามว่า ๑. จำเลยต้องจำคุกในคดีใหม่ (๑๒ ปี) เลยใช่หรือไม่
๒. ศาลจะนับโทษให้ตั้งแต่วันเข้าเรือนจำในคดีแรก (๑๖ ส.ค. ๔๗) เลยใช่หรือไม่
๓. คดีนี้ถือว่าจำรวมโดยถือโทษสูง (๑๒ปี) เป็นเกณฑ์ใช่หรือไม่ (คดีเดียวกันต่างกรรมต่างวาระ)
ขอคำแนะนำด้วยว่าต้องทำอย่างไรบ้างคะ