ที่ดิน สปก.ยกให้วัดเป็นการภายใน
กราบแทบเท้าอาจารย์มากๆที่ให้ความกระจ่างแก่กระผม ผมสัญญาว่าผมจะเปลื้องภาระทั้งหมดให้หลวงครับ ตอนนี้ผมก็หนักจะแย่อยู่แล้วครับเรื่องที่เรื่องทางนี่ ที่ผมปุจฉากับอาจารย์เรื่องยกที่ดิน สปก.ให้วัดเป็นการภายในผมกลัวเหลือเกินแทนที่จะได้บุญมันจะบาป เพราะมันมีประเด็นครับ "จนวัดถูกฟ้องบุกรุกที่" เรื่องมันเป็นอย่างนีครับ เรื่องจริงตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาลจังหวัดอุดร หมายเลขคดีดำที่ ๕๒๒/๒๕๕๒ ครับ ผมสงสารพระครับ เรื่องมีอยู่ว่า
๑.ปี ๒๕๔๖ นาง ก (นามสมมุติ)และลูกชาย พร้อมญาติ จำนวนหนึ่ง กระหืดกระหอบขึ้นมาที่วัดแห่งหนึ่งชื่อวัด "ข" บอกว่า จะมาถวายที่ดินให้วัด พร้อมวัสดุที่เหลือจากการก่อสร้างสองรถสิบล้อ สาเหตุเพราะว่า ช่างทำบ้านเกิดมาตายในขณะก่อสร้างโดยไม่ทราบสาเหต จึงพากันไปหาหมอดู หมอดูทักว่า"ที่ดินแปลงนี้ใครไปปลูกบ้านไม่ได้ จะมีอันเป็นไปตลอดชีวิต เจ้าที่แรง ต้องยกที่ดินให้วัดพร้อมวัสดุทั้งหมด ที่สำคัญต้องเป็นวัด "ข"เท่านั้นเพราะอยู่ตรงข้ามกับที่ดินแปลงนี้ ทางเจ้าอาวาสวัดและกรรมการจึงสอบถามว่า ที่ดินเป็นของใคร นาง ก บอกว่าเป็นของลูกสาวแต่ลูกสาวไม่อยู่ไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่มีปัญหาเพราะถามลูกสาวแล้ว ทางวัดและกรรมการวัดจึงให้นาง ก และลูกชาย พร้อมญาติ เขียนเป็นหนังสือมอบถวายที่ดินให้วัด พร้อมวัสดุทั้งหมด ทางเจ้าอาวาสและกรรมการวัด จึงได้จัดทำประกาศอนุโมทนาบัตรและจะพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าวสร้างเป็นที่อาศัยแก่ผู้ยากไร้ไม่มีที่อยู่(พวกนี้ชอบบุกรุกป่า) ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อและกรรมการวัด ก็เริ่มปรับปรุงที่ดินสร้างศาลาพักร้อน ห้องน้ำและบ้านให้ผู้ยากไร้ โดยไม่รู้ว่าที่ดินมีสถาณะเป็นอย่างไร
๒.ในปี ๒๕๕๐ นางสาว ค.และ พ่อ (ลูกสาว นาง ก กลับยมาจากนอก และสามี)ขึ้นมาหาหลวงพ่อ พร้อมกับมาที่ดินคืน พร้อมกับยื่นหนังสือซื้อขายที่ดินแปลงนี้กับนายแดง(สมมุติ)และหนังสือตอบรับการสอบสวนสิทธิจาก สปก อุดร(ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๖ ตรงกันเปะเลยกับหนังสือจาก สปก.ออก)มาให้หลวงพ่อดู หลวงพ่อจึงเรียกกรรมการวัดประชุม ปรากฏว่าทางวัดและกรรมการวัดไม่ยอม เพราะเมื่อมอบให้วัดแล้วถืว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์และวัดก็ทำสิ่งก่อสร้างไว้แล้วบางส่วน ประกอบกับแปลกใจว่า ทำไมถึงต้องมาทวงคืนตอนนี้และสำคัญหนังสือซื้อขายและหนังสือตอบรับการสอบสวนครอบครองสิทธิ ตรงกันทางวัดและกรรมการวัดจึงทำการตรวจสอบจาก สปก.อุดร ธานี พบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นเขต สปก.ตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ และที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นของ นายแดงจริง เรื่องก็เงียบหายไป ทางวัดก็นึกว่าไม่มีปัญหาดำเนินการขุดเจาะบาดาลให้ผู้ยากไร้ต่ออีก
๓.ปี๒๕๕๒(เร็วๆนี่แหละครับ) นางสาว ค ได้ขึ้นมาหาหลวงพ่ออีกบอกว่าที่ดินแปลงดังกล่าว ไม่ใช่ของตน แต่เป็นของพ่อ พ่อไม่ยอมเพราะพ่อซื้อมาจากตำรวจ พร้อมกับยื่นหนังสือซื้อขายระหว่างพ่อ นางสาว ค กับ นายดาบตำรวจคนหนึ่งให้หลวงพ่อและกรรมการวัดดู กล่าวว่า"ถ้าวัดยังไม่ยอมจะแจ้งความ" หลวงพ่อและกรรมการวัด ไปตามเรื่องที่ สปก.อุดร พบหลักฐานว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว ในใบกลุ่ม/ระวางของ สปก.เป็นชื่อของลูกสาว นายแดง เป็นผู้ครอบครองสิทธิ์และเจ้าหน้าที่ สปก.แนะนำให้วัดไปตกลงกับลูกสาวนายแดงให้เรียบร้อย เรื่องจะได้ยุติ โดยเร็ว
๔.ทางกรรมการวัดและหลวงพ่อ จึงไปหาลูกสาวนายแดง ปรากฏว่าลูกสาวนายแดงบอกว่าเป็นเรื่องจริงที่ดินเป็นของพ่อตน ส่วนนางสาว ค และพ่อ ไม่ใช่เครือญาติและไม่รับรู้เรื่องการซื้อขายเลย ตอนนี้นายแดงก็ตายแล้ว พร้อมกับทำหนังสือยืนยันว่า "ไม่ใช่เครือญาติ"และหนังสือยินยอมระหว่างลูกสาวนายแดงและวัด สรุปว่า "วัดยอมรับสิทธิถือครองที่ดินและใบ สปก.๔-๐๑ เป็นของลูกสาวนายแดง"ตามกฏหมาย ส่วนลูกสาวนายแดงได้ทำหนังสือ "มอบที่ดินให้วัดทำประโยชน์เพื่อสาธารณกุศลเป็นการภายใน"ไว้เป็นหลักฐานต่อหน้ากำนัน อบต.กรรมการวัดและวัด จึงทำหนังสือดังกล่าว ส่งให้ปสก.อุดรในวันนั้นเลย
๕.ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๒ พ่อของนางสาว ค ได้นำคนงานประมาณ ๕-๖คนนำต้นยูคามาปลูกตามกองหินหองทรายที่ทางวัดเตรียมไว้ปลูกบ้าน พร้อมถ่ายรูปไปด้วย กลางเดือนมีนาคม ๒๕๕๒ มีหมายศาลจังหวัดอุดรมาหาหลวงพ่อ เป็นหมายฟ้องโดยผู้ฟ้องคือ พ่อของนางสาว ค ฟ้องหลวงพ่อบุกรุกที่และขอให้อำนาจศาล ขับไล่ออกจากที่ตน และเรียกค่าเสียหายสองแสนบาท โดยนำหลักฐานว่าเป็นที่ตนคือ หนังสือสอบสวนการกระจายสิทธิถือครองที่ดิน ที่เปลี่ยนมาเป็นชื่อ พ่อนางสาว ค.ที่ออกโดย สปก.อุดร (แปลงนี้เปลี่ยนชื่อบ่อยมาก)
อาจารย์ครับ ผมเองสงสารหลวงพ่อจับใจ(ท่านเล่าพร้อมกับให้ผมดูเอกสารคำฟ้อง และหันหน้ามาหาผมว่า อาตมาเข็ดแล้ว อย่าหาว่าอาตมาขัดไม่รับมอบถวายที่ดินจากโยมเลย คือผมจะมอบให้วัดเหมือนกัน) ผมอยากกราบเรียนถามอาจารย์ว่า
๑.พ่อของ นางสาว ค มีสิทธิ์ฟ้องวัดหรือเปล่าครับเพราะมันที่ดินคล้ายๆกับของผมนี่แหละ ที่สำคัญการซื้อขายแสดงว่าไม่ถูกต้องอยู่แล้ว(อ้างจากของอาจารย์ตอบผม ถือว่าเป็นโมฆะ) คนที่น่าฟ้องหลวงพ่อต้องเป็น สปก หรือไม่ก็ลูกสาว นายแดง แสดงว่าพ่อของนางสาว ค.ฟ้องเท็จใช่ไหมครับ
๒.จากเอกสารจาก สปก.อุดร เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาถือว่าส่อไปในทางไม่โปร่งใส ใช่ไหมครับ (ตอนแรกใบตรอบรับการครอบครองสิทธิ ปี๔๕ เป็นชื่อ นางสาว ค พอปี ๒๕๕๐ ในใบกลุ่ม/ระวาง เป็นชื่อลูกสาวนายแดง พอวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒ ในใบกระจายสิทธิถือครองที่ดิน เป็นชื่อพ่อ นางสาว ค)
๓.พวกเราจะช่วยหลวงพ่ออย่างไรดีครับ ท่านบอกว่า"ทุกวันนี้พ่อนางสาว ค นำผู้หญิงขี้เมา ด่าถอท่านเวลาออกบิณฑบาตรเกือบทุกวัน" ท่านบอกว่า "อาตมาไม่อยากได้ดอกแต่มายกมอบถวายแล้วญาตโยมเขาไม่ยอมคืนให้นาย........พ่อนางสาว ค แต่ทางวัดและกรรมการวัดต้องการให้กลับคืนไปสู่เจ้าของเดิม คือลูกสาวนายแดงผู้ล่วงลับมีสิทธิตามกฏหมาย สปก. ซึ่งเรื่องนี้วัดได้ทำหนังสือแจ้ง สปก.อุดรแล้ว แต่ทำไมต้องมาฟ้องวัดและอาตมา"
ขอให้อาจารย์ของกระผมจงมีความสุขมากๆนะครับ กรุณาตอบให้ชัดๆนะครับ ผมจะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องถ้าจะมอบที่ดินให้หน่วยงานใดก็ตาม
ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
Boonpob Aniwatwongsa
๕.๑.
|