สวัสดีครับ ท่านอาจารย์
ผมมีปัญหาข้องใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง กับบุคคลที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น.....
เนื่องจากผม และเพื่อน (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วปีเศษ) ได้รวมกันลงทุนซื้อที่ดินว่างเปล่า(สวนเกษตร) ที่จังหวัดเชียงราย โดยวัตถุประสงค์จะเก็บไว้พักอาศัยในยามชรา แต่สวนเกษตรก็ได้ล้มไปตั้งแต่ก่อนปี 2540 พวกเราก็ผ่อนชำระเงิรกูธนาคารแล้วเสร็จมาเมื่อปี 2550 (10ปี เต็ม) ลงทุนไปกับที่ดินดังกล่าวไปคนละกว่า 1.5 ล้านบาท แต่ปัญหามิได้จบแค่นั้น เมื่อปี 2550 ผู้จัดการมรดกของเพื่อนผมที่เสียชีวิต(ภรรยาเขานั่นเอง) เราได้ร่วมกันนำเงินมาไถ่ถอนหนี้คืนธนาคาร และ หล่อนและญาติของผู้เสียชีวิต ก็ขอรับโฉนดตัวจริงจากธนาคาร (โดยชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นของผมและเพื่อน) โดยอ้างว่าจะนำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนชื่อหลังโฉนดเป็นของหล่อน และจะยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการแบ่งโฉนดเป็น 2 ฉบับ แต่เวลาล่วงเลยมาเกือบ 2 ปี ผมติดตามหล่อนมาโดยตลอด แต่หล่อนก็อ้างว่างานยุ่ง ไม่มีเวลาไปดำเนินการ และเมื่อต้นปีนี้ผมได้อาสาจะไปดำเนินการยื่นเรื่องต่อกรมที่ดินเพื่อรังวัดแบ่งแยก แต่กรมที่ดินแจ้งว่าต้องนำโฉนดตัวจริงไปแสดงเพื่อดำเนินการด้วย ผมก็ได้ติดต่อไปหาหล่อน แต่ก็เป็นไปตามคาดหมาย หล่อนไม่ยอมรับโทรศัพท์เบอร์ของผม และผมลองใช้เบอร์สำนักงานโทรไป หล่อนรับแล้ว พอได้คุยกับผม ก็อ้างว่าโฉนดอยู่กับญาติของสามี(เพื่อนผม) แล้วกว่า 1 เดือนก็ไม่ติดต่อกลับหาผมอีกเลย
ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำผมในข้อกฎหมายด้วยครับ ว่า ผมสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างไรบ้าง กรณีที่คู่กรณีพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเจรจา และ หล่อนสามารถฉ้อโกง โอนเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินโดยผมไม่ทราบได้หรือไม่ ผมต้องติดต่อสำนักงานทนายความเพื่อดำเนินการยื่นฟ้องได้ในกรณีใดบ้าง เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หล่อนรีบเร่งเจรจากับผม เพราะผมใช้วิธีเจรจา และรอเวลามานามเกือบ 2ปีแล้ว ทรัพย์สินของผมไม่เคยอยู่ในมือของผมเลย ซึ่งมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท (ถึงแม้ปัจจุบันมูลค่าจะลดลงอย่างมาก)