การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมการให้
๑.ที่ดิน นส๓ก.ขุดเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง บิดาเจ้ามรดกตายปี ๒๕๓๘ ไม่มีผู้จัดการมรดก
๒.ต่อมาปี ๒๕๔๑ จนท.มารังวัดออกโฉนดทั้งตำบล มารดาไปขอออกโฉนดด้วยแต่ไม่ได้เพราะไม่มีผู้จัดการมรดก
๓.ขณะที่มาทำการรังวัดออกโฉนดนั้นบุตรทั้ง ๓ คน เรียนหนังสืออยู่ที่ต่างจังหวัด
๔.ในการรังวัดออกโฉนดทั้งตำบลครานั้น มารดา(แต่เพียงผู้เดียวโดยที่บุตรทั้งสามไม่ทราบ) ได้ยกที่ดินริมแดน(ซึ่งเป็นคันดินบ่อกุ้งสูงกว่าพื้นปกติประมาณ ๑ เมตร) กันไว้เป็นทางสาธารณะกับ นายส.เจ้าของที่ดินข้างเคียง (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อหน้ากำนัน โดยมารดามีข้อตกลงว่า "คงไม่เลี้ยงกุ้งตลอดไป หากวันใดเลิกเลี้ยงกุ้งจะนำคันดินบ่อกุ้งที่ยกให้เป็นทางมาเกลี่ยปรับพื้นที่" ซึ่งก็ตกลงตามนั้น และได้มีการออกโฉนดที่ดินกัน แต่ที่ของบิดาไม่สามารถออกโฉนดได้ ยังคงเป็นนส๓ก.
๕.ต่อมาในปี ๒๕๔๖ มารดาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอนุญาตตามขอ
๖.กลางปี ๒๕๕๑ บุตรได้ปรับเกลี่ยพื้นที่บ่อกุ้งแปลงดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบ เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน และได้เกลี่ยคันบ่อกุ้งซึ่งสูงกว่าพื้นปกติประมาณ ๑ ม.ทางทายาทนาย ส.ได้มาคัดค้านว่าทำลายทางฯ และนำโฉนดที่ดินมาแสดง ซึ่งในโฉนดปรากฏว่ามีทางสาธารณะอยู่ตรงคันดินบ่อกุ้งที่ข้าฯ ได้เกลี่ยดิน ข้าฯ จึงได้โต้แย้งว่าไม่ทราบว่ามีทางเนื่องจาก นส๓ก.ของข้าฯ ไม่ได้ระบุว่ามีทางฯ (และบริเวณดังกล่าวไม่ใช่ทางออกไปที่ใดเพราะสิ้นสุดที่คลอง มีเพียง นายส.เท่านั้นที่อาศัยความสะดวก เดินบนคันดินบ่อกุ้งเข้าไปในที่ดินตนเอง)
๗.ข้าฯ จึงไปปรึกษานายกอบตฯ ซึ่งเดิมเป็นกำนันในขณะที่มารดายกที่ให้เป็นทางฯ จึงได้ทราบเรื่องว่า ในการออกรังวัดออกโฉนดทั้งตำบลปี ๒๕๔๑ นั้น นายส.ไม่มีทางเข้าที่ดิน จึงมาอ้อนวอนให้มารดาข้าฯ ยกที่ดินให้เป็นทางฯ ซึ่งที่ดินข้าฯ มีทางอยู่แล้ว๒ ด้าน จึงไม่จำเป็นต้องมีทางอีก แต่ทนคำรบเร้าของ นายส.ไม่ไหวมารดาจึงยกที่ให้เป็นทางกว้าง ๒ ม.ร่วมกับที่ดิน นายส.๒ ม.รวมเป็นทางกว้าง ๔ ม.ซึ่งทางที่มารดายกให้เป็นส่วนของคันดินบ่อกุ้ง และนายกฯ ได้แจ้งว่าข้าฯ สามารถเกลี่ยคันดินบ่อกุ้งได้ตามสัญญา ไม่ทำลายทางฯ แต่อย่างใด เนื่องจากทางราชการไม่เคยไปทำทางในที่ดังกล่าวและที่ดังกล่าวเป็นคันดินบ่อกุ้งของข้าฯ แต่เพียงผู้เดียว
๘.ต่อมาทางทายาทนายส.ได้แจ้งผู้ว่า,นายอำเภอ,นายกฯ,ผู้ใหญ่บ้าน,ผู้บังคับบัญชาของข้าฯ กล่าวหาว่าข้าฯ ทำลายทางฯ เรื่องอยู่ระหว่างตรวจสอบ
๙.ทางต้นสังกัดข้าฯ ได้ตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้องแล้วและเห็นว่าคดีไม่มีมูล ยุติเรื่องดังกล่าว
๑๐.นายอำเภอได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงสอบถามนายกฯ,ผู้ใหญ่บ้าน และทางนายกฯ,ผู้ใหญ่บ้าน ได้แจ้งว่าที่ดินที่ปรับเกลี่ยเป็นคันดินบ่อกุ้ง แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
๑๑.ทายาทนายส.ได้ฟ้องข้าฯ ต่อศาลเป็นคดีแพ่ง ฐานละเมิด ทำลายทางฯ เสียหายใช้การไม่ได้ เรื่องอยู่ระหว่างพิจารณาที่ศาล
ขอเรียนถามอาจาร์ยว่า ทางทายาทสามารถเพิกถอนการยกที่ดินให้เป็นทางของมารดา เมื่อปี ๒๕๔๑ ได้หรือไม่ (เกิน ๑๐ ปีแล้ว แต่บุตรมาทราบปี ๒๕๕๑)
ข้าฯ มีความผิดฐานทำลายทางสาธารณะหรือไม่ อย่างไร (ในเบื้องต้นนายกฯ และผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่บอกว่าข้าฯ ไม่ผิดและพร้อมขึ้นให้การเป็นพยานฝ่ายข้าฯ) |