เรียน ท่านมีชัย
ดิฉันกนกพร อยากเรียนปรึกษาท่านเรื่องสินสมรส ดิฉันกับสามีแต่งงานและจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายมา 3 ปี แล้วค่ะ มีบุตรด้วยกัน 1 คน ขณะนี้ อายุ 1 ขวบ เมื่อ 21 ตค.51 ที่ผานมาสามีดิฉันเป็นทหารได้รับคำสั่งให้ไปเช็กเสาไฟเนื่องจากไฟฟ้าดับ ขณะที่กำลังเช็กสายไฟสามีดิฉันได้ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเป็นเหตุให้สามีดิฉันหมดสติ หยุดหายใจไปนานถึง 20 นาที ปัจจุบันสามีดิฉันดีกว่าเจ้าชายนิทราตรงที่ยังลืมตา แต่ไม่มีความรู้สึกไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งใดทั้งสิ้น แต่ทางหน่วยงานก็ยังคงส่งชื่อสามีดิฉันเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือกันให้ได้รับเงินเดือน อันนี้ดิฉันรู้สึกขอบคุณแต่เมื่อระยะเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้ สามีดิฉันไม่มีอาการดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวและทางต้นสังกัดของสามีก็ไม่เคยติดต่อบอกกล่าวอะไรผ่านมาทางดิฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่คือเหตุของเรื่องที่ดิฉันจะปรึกษา และอีกเรื่องก็คือครอบครัวฝ่ายสามีได้เข้ามามีบทบาทแทรกแซงดิฉันในทุก ๆ เรื่อง เมื่อแรกเกิดเหตุดิฉันได้นำตัวสามีกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิดของเรา เพราะดิฉันทำงานในโรงพยาบาลชั้นนำของภาคอีสานแต่ไม่ใช่หมอหรือพยาบาลนะคะ และสามารถขอสวัสดิการบางส่วนเพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาพยาบาลสามีได้พอสมควร เมื่ออาการไม่มีการตอบสนองเหมือนเดิมอีก หมอก็ให้กลับบ้านเพราะกลัวติดเชื้อ ปรากฎว่าแม่สามีได้เอาสามีดิฉันกลับไปอยู่บ้านของตัวเองโดยไม่ปรึกษาดิฉันสักคำ ดิฉันก็เห็นแก่ความเป็นแม่ก็ปล่อย ส่วนดิฉันก็ไปเยี่ยมสามีทุกวัน ซื้อของกินของใช้ไปให้ทุกครั้ง สามีดิฉันทานอาหารทางสายยางค่ะ ต้องเป็นอาหารปั่นเท่านั้น ดิฉันเสนอว่าจะปั่นอาหารไปส่งให้ทุกวันเพราะลูกก็ทานอาหารปั่นอยู่แล้ว แต่ทางแม่สามีไม่เอาค่ะบอกว่าอาหารต้องปั่นมื้อต่อมื้อกลัวลูกเค้าท้องเสีย ดิฉันก็ไม่ว่าอะไรอีก ก็ซื้อของไปตามปกติเหมือนเคย ปีใหม่ผ่านไปทางสามีพาญาติพี่น้องมาหาดิฉันบอกว่าจะเอาคนป่วยไปรักษาตัวที่ต้นสังกัดเค้าเหมือนเดิมเอ้างว่าดิฉันไม่มีเวลาดูแลสามีและแม่เค้าก็แก่แล้วดูแลคนเดียวไม่ไหว อยู่ทางโน้นต้นสังกัดจะให้ทหารมาดูแลช่วย ดิฉันไม่ยอมอยากให้อยู่ที่นี่ถ้าดูแลไม่ไหวดิฉันจะดูแลเอง เพราะไม่คิดจะให้ใครมาเดือดร้อนด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ที่เหตุการณ์กลับกลายเป็นอย่างนี้ก็เพราะทางสามีมาเอาตัวสามีดิฉันไปเองไม่ใช่หรือ แต่เค้าไม่ยอมค่ะ จะเอาไปให้ได้กลัวลูกจะไม่มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีก สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เค้าเอาไปอีก โดยที่ดิฉันเป็นภรรยาไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไรเลย ไปอยู่ทางโน้นนอนโรงพยาบาลได้อาทิตย์เดียว หมอก็สั่งให้กลับด้วยเหตุผลเดียวกันคือคนไข้ไม่มีอาการอะไรนอกจากสมองไม่ทำงาน ณ ขณะนี้สามีดิฉันนอนพักรักษาตัวที่บ้านพักของส่วนราชการ ไม่มีอาการที่ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว มีแต่ผอมลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เท้าโค้งงอเข้าหากัน ดิฉันกลัวเหลือเกินว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ สามีดิฉันจะมีชีวิตได้อีกไม่นาน ถึงจะเหลือแต่ร่างกาย แต่ดิฉันก็อยากให้เขาได้รับการดูแลรักษาที่ดีกว่านี้ ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ พ่อแม่พี่น้องสามีพยายามกีดกันดิฉันทุกวิถีทาง สามีดิฉันไปรักษาตัวอยู่ที่ไหนก็นินทาดิฉันเสีย ๆ หาย ๆ ทุกครั้ง แม้แต่ลูกดิฉันเขายังคิดไปตรวจดีเอ็นเอเลย และทางต้นสังกังสามีก็ฟังความทางสามีดิฉันฝ่ายเดียว แม้แต่ตั้งกองทุนเพื่อดูแลสามีก็ไม่แจ้งให้ดิฉันทราบ ทั้ง ๆ ที่เมื่อสามีดิฉันเจ็บป่วยแบบนี้ ดิฉันกับลูกเดือดร้อนมาก เสาหลักของครอบครัวล้มแล้วยังถูกสังคมรังแก เหยียบย่ำ ล่าสุดเงินเดือนสามีดิฉันขาดหายจากบัญชีไปห้าพันบาท ดิฉันจึงโทรสอบถามไปยังต้นสังกัด ได้รับคำตอบว่าเป็นเงินที่แม่สามียืมเงินราชการเพื่อเป็นค่ารถนำสามีดิฉันกลับไปรักษาตัว ทำไมเงินเดือนของข้าราชการเมื่อถูกหักไม่มีการแจ้งให้ภรรยาทราบได้ด้วยหรือคะ เมื่อเงินถูกหักดิฉันเดือดร้อน ไหนจะค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ค่านมลูกค่าอาหารลูก แล้วยังต้องส่งเงินให้แม่สามีเพื่อดูแลสามีเดือนละสามพันอีก ในขณะที่แม่สามีได้รับทางดิฉันแล้วยังได้รับเงินกองทุนของต้นสังกัดอีก ดิฉันรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย ในขณะที่ดิฉันกับลูกไม่มีจะกิน แต่ทางแม่สามีได้อยู่อย่างสบาย ทั้ง ๆ ที่ดิฉันสามารถดูแลสามีแม้ว่าจะพิการเอง ดิฉันทำได้ ทำไมไม่มีใครคิดถึงดิฉันกับลูกเลย และเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้ทางต้นสังกัดยังส่งชื่อสามีดิฉันเหมือนกับว่ามาทำงานทุกวัน ถ้าวันหนึ่งสามีดิฉันเป็นอะไรไป เค้าก็จะตายอย่างคนธรรมดาใช่มั้ยคะ ไม่ใช่การเสียชีวิตในหน้าที่ ไม่ยุติธรรมเลยสำหรับคน ๆ หนึ่งทีทำงานเพื่อส่วนรวม แต่ไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน ลูกเมียลำบาก ท่านคะ ส่วนราชการต้นสังกัดช่วยเหลือ แต่ช่วยเหลือไม่ตรงจุด ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ ส่วนเรื่องทรัพย์สินดิฉันกับสามีมีรถยนต์ 1 คัน (ซื้อหลังแต่งงาน 2 วัน) บ้านอีกหนึ่งหลังเพิ่งจะผ่อน(บ้านนี้พี่ชายดิฉันกับสามีดิฉันกู้ร่วมกันค่ะ แต่เจ้าของบ้านเป็นชื่อดิฉัน) ปัญหาเรื่องสินสมรสอีกดิฉันจะต้องแบ่งให้พ่อแม่สามีมั้ยคะ ดิฉันแต่งงานวันที่ 12 มีนาคม 2549 แต่จดทะเบียนวันที่ 6 ตุลาคม 2549 ค่ะ และถ้าดิฉันขายบ้านในขณะนี้จะมีปัญหาทางกฎหมายอย่างไรบ้างคะ รบกวนท่านตอบด่วนด้วยค่ะ ดิฉันไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนอีกแล้ว เห็นหน้าลูกแล้วดิฉันสงสารเขาเหลือเกินค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
กนกพร
เรียน คุณกนกพร
ในฐานะที่คุณเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย คุณจึงมีหน้าที่โดยตรงที่จะดูแลพยาบาลรักษาสามีของคุณ การที่คุณยอมให้เขานำไปก็เป็นเรื่องของความปรองดองมากกว่าเป็นเรื่องทางกฎหมาย ทางที่ดีคุณควรแจ้งความประสงค์ของคุณต่อต้นสังกัดของสามีว่าคุณจะดูแลเอง และขอให้เขาส่งเงินเดือนแลเงินสวัสดิการมาให้คุณ
สำหรับสินสมรสนั้น เนื่องจากขณะนี้สามีคุณยังมีชีวิตอยู่ อำนาจในการจัดการสินสมรสยังอยู่ที่เขา เว้นแต่คุณจะไปร้องต่อศาลเพื่อขอเปลี่ยนอำนาจจัดการสินสมรส เมื่อศาลให้คุณเป็นผู้มีอำนาจจัดการสินสมรสแต่ผู้เดียวแล้ว คุณจะขายบ้านที่เป็นสินสมรสก็ย่อมทำได้