ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    033918 พยายามทำดีที่สุดแล้วคนถูกหลอก26 กุมภาพันธ์ 2552

    คำถาม
    พยายามทำดีที่สุดแล้ว

    เรื่องทั้งหมดมันยาวผมจะรวมเล่าที่ไปที่มาเป็นข้อๆนะครับ

    1.คบหากับหญิงคนหนึ่งเช่าห้องใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกัน

    2.ต่อมาฝ่ายหญิงไปมีชายคนใหม่

    3.ฝ่ายหญิงขนของย้ายไปอยู่กับชายคนใหม่

    4.ผมติดต่อขอคืนดีและฝ่ายหญิงก็ให้ความหวังว่าจะกลับมาคืนดีแต่ขอเวลาก่อน

    5.ผมส่งเสียเลี้ยงดูตลอดเวลาทุกๆเดือนแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 4000 บาท ทั้งที่ฝ่ายหญิงยังอยู่กับชายคนใหม่

    6.ฝ่ายหญิงขอเงินซื้อรถยนต์โดยให้ความหวังว่าจะกลับมาทั้งที่ฝ่ายหญิงยังอยู่กับชายคนใหม่

    7.ผมโอนเงินเข้าบัญชีฝ่ายหญิงเพื่อเตรียมจ่ายเป็นเงินดาวน์รถ 200,000 บาทและให้เป็นเงินสดไปอีกเกือบ 50000บาท เพราะเชื่อในความหวังที่ฝ่ายหญิงให้ไว้ว่าจะกลับมาคืนดีด้วย

    8.ผมจ่ายเงินจองรถยนต์ให้ในนามฝ่ายหญิง อีก10000 บาทเพื่อจองรถยนต์ให้ฝ่ายหญิง

    9.ต่อมาได้คำตอบจากฝ่ายหญิงว่าจะไม่กลับมาคืนดีและจะไม่เลิกรากับชายคนใหม่เพราะเลือกที่จะใช้ชีวิตกับชายคนใหม่แล้ว

    10.ผมให้ฝ่ายหญิงคืนเงินในส่วนที่โอนไปให้เตรียมไว้ดาวน์รถ 200000 บาท

    11.ฝ่ายหญิงโอนเงินคืนให้ 148000 บาท

    12.ต่อมาผมโทรศัพท์ทวงถามว่าให้คืนจนครบ 200000 บาท

    13.ฝ่ายหญิงให้ชายคนใหม่รับโทรศัพท์พร้อมทั้งแจ้งกับผมว่าจะไม่ยอมคืนให้

    14.ผมทวงถามโดยตลอด

    15.ฝ่ายหญิงบอกว่ายอมรับว่าเห็นแก่ตัวที่ทำไปเพราะอยากได้อยากมีและยอมรับว่าหลอกลวงผม

    16.ฝ่ายหญิงติดต่อกับหัวหน้างานผมแจ้งว่าจะไม่ยอมคืนเงินส่วนที่ยังค้างอยู่ให้

    ทั้งหมดนี้ผมติดใจในเรื่องเงินที่ผมเสียไปเพียงอย่างเดียว ส่วนในเรื่องชู้สาวผมไม่ติดใจอะไรเลย

    ผมไม่เคยใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะทั้งกริยาหรือทางวาจา กับฝ่ายหญิงเลย ที่ผ่านมาผมจะใช้เพียงวิธีพูดคุยกันด้วยเหตุผลมาตลอด และผมก็ไม่รู้ที่อยู่ของคนทั้งสองด้วยว่าอยู่ที่ไหน ทุกครั้งที่จะได้คุยก็เมื่อเขาติดต่อมา การทวงเงินของผมก็ได้แต่ส่งจดหมายไปยังพ่อ-แม่ของเขาให้รับรู้เท่านั้น 

    ผมขอถามว่า

    1.การกระทำของหญิงคนนั้นกับชายคนใหม่เข้าข่ายข้อหาร่วมกันต้มตุ๋นหลอกลวงหรือไม่

    2.จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่  และถ้ามีผลทางกฎหมายผมจะต้องทำอย่างไรบ้างให้ได้เงินนั้นคืนมาจนครบ

    3.จะมีวิธีดำเนินการทางกฎหมายอย่างไรเพื่อให้ได้เงินคืนมาหรือไม่ครับ

    ผมขอรบกวนช่วยตอบคำถามของผมด้วยนะครับ

    เพราะผมไม่มีที่ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้ได้เลย

    ผมไม่รู้จะไปปรึกษาใครที่ไหนแล้วจริงๆครับ

    ขอบคุณครับ

    คำตอบ

    1. ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการต้มตุ๋น เพราะคุณก้รู้อยู่แล้วว่าเขามีคนใหม่ เมื่อคุณไปวอแวกับเขามากเข้าเขาก็อาจสงสารเลยรับปากว่าจะคืนดีแต่ก็ขอให้รอเวลา  ส่วนผู้ชายเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

    2. เงินที่คุณให้เขาไปนั้น ก็เป็นการให้โดยความสมัครใจของคุณเอง เป็นการให้โดยเสน่หา การที่เขาคืนให้คุณเกือบหมดเหลือเพียงหนึ่งในสี่ ก็นับว่าเป็นบุญอยู่แล้ว ถ้าเขาใช้หมดไปแล้วคุณก็เรียกคืนจากเขาไม่ได้ 

    3. เมื่อตอนคุณให้เงินเขาไป ก็คงเพราะรักเขา ก็คิดเสียว่าตอนให้นั้นมีความสุขแล้ว  อย่าไปหาทางฟ้องร้องให้เป็นทุกข์เลย  จำไว้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    26 กุมภาพันธ์ 2552