กราบเรียน อ.มีชัยฯ คะ
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้คำปรึกษาที่มีค่าอย่างมาก และดิฉันได้ดำเนินการตามที่ อ.มีชัยฯ ได้ชี้แจงไว้คะ ดังนี้คะ
ดิฉันได้เดินทางไปสำนักงานเขตเพื่อตรวจสอบดูว่าคุณพ่อได้จดทะเบียนรับรองดิฉันเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ปรากฎว่า ไม่ได้รับรองบุตรเลย ดังนั้นดิฉันถือได้ว่าเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณแม่เพียงฝ่ายเดียว ในเรื่องนี้เพื่อให้มีการรับรองบุตรดิฉันคงต้องเจรจากับคุณพ่อเป็นการใหญ่ ตลอดเวลา ๒๘ ปีดิฉันคิดเสมอว่า ตัวเองเป็นลูกของคุณพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงเพราะแค่คิดว่าการใช้นามสกุลเดียวกันก็เป็นเครืองยืนยันว่าได้มีการรับรองบุตรแล้ว น่าเสียดายที่ตามกฎหมายมิได้เป็นเช่นนั้น
ในส่วนเรื่องที่ ๒ ที่ดิฉันจะเรียนถาม อ.มีชัยฯ ในวันนี้ คือ ตามที่ อ.มีชัยตอบในกระทู้ของดิฉันว่าด้วยเรื่องการเป็นหุ้นส่วนกันของคุณแม่กับคุณพ่อ นั้น ความจริงเป็นอย่างนี้คะ กิจการที่คุณแม่ทำมาตลอดกว่า ๓๐ ปี เป็นของที่บ้านจริง แต่มิได้เกิดจากน้ำพักน้ำเเรงของคุณพ่อแต่เพียงผู้เดียว หากเเต่เป็นธุรกิจในลักษณะกงสี (กิจการบ้านคนจีน ที่พี่ชายเป็นคนคุมกิจการ และให้พี่น้องช่วยกันดูแลงานในบ้าน รวมถึงสะใภ้ที่แต่งงานเข้ามาช่วยด้วย) และเมื่อเป็นกิจการกงสีเเล้ว (๑) คุณแม่จะยังมีสิทธิ์ตามฐานะการเป็นหุ้นส่วนกันหรือไม่คะ? เมื่อมาถึงเรื่องของการเเบ่งแยกสินทรัพย์ที่เป็นตัวเงินหรืออสังหาริมทรัพย์ เพราะว่าสังหาริมทรัพย์นั้นเท่าที่ดิฉันเรียนถามคุณแม่ไม่มีเกิดขึ้นระหว่างการอยู่ด้วยกันเลยคะ และ (๒) เงินสะสมที่คุณแม่สะสมมานั้น คุณพ่อมักขู่คุณแม่เสมอมาว่า เงินที่คุณแม่เก็บได้ก็เป็นเงินคุณพ่อไม่ใช่ของคุณแม่ ขณะนี้คุณแม่กลัวมากว่าหากเกิดเหตุที่ต้องออกจากบ้าน (ปัจจุบัน) คุณพ่อจะยึดเงินสะสมที่ว่านั้นคืน เรื่องนี้เป็นไปได้หรือคะ??
ดิฉันต้องขอความกรุณา อ.มีชัยฯ ช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องที่ดิฉันเรียนถามด้วยคะ เรียนตามตรงนะคะ ตอนนี้ดิฉันค่อนข้างจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ดังนั้น ดิฉันจึงต้องพึ่งกฎหมายเพื่อให้ได้รับความยุติธรรมมากที่สุด ต้องกราบเรียน อ.มีชัยฯ ให้คำปรึกษาด้วยคะ เป็นพระคุณอย่างสูงคะ
สภาพของมารดาคุณก็จะเหมือนกับเป็นหุ้นส่วนซ้อนหุ้นส่วน คือในส่วนที่เป็นกงสีนั้น มารดาคุณในฐานะเป็นหุ้นส่วนของบิดา จึงมีส่วนในห้างหุ้นส่วน (ในส่วนของบิดา) ถ้าจะมีการฟ้องร้องกันก็คงต้องแยกส่วนของบิดาออกมา แล้วมารดาคุณจึงจะเข้าไปแบ่งเอาจากบิดา สำหรับเงินสะสมที่เก็บได้นั้น บิดามายึดเอาไปไม่ได้หรอก ถ้าเขาจะเอาก็อย่าให้ (แม้เขาจะมีส่วนอยู่ด้วยก็ตาม) อนึ่ง การตอบคำถามนี้เป็นเพียงให้แนวทางกว้าง ๆ เท่านั้น เพราะตอบตามข้อเท็จจริงเท่าที่เล่าให้ฟัง ทางที่ดีจึงควรปรึกษากับทนายความ จะได้ไม่เสียหายจนแก้ไขไม่ได้