สวัสดีครับคุณมีชัยที่เคารพ เนื่องจากตอนนี้ข้าพเจ้าถูกพี่ชายของข้าพเจ้าเองฟ้องศาลแพ่ง ให้ศาลเพิกถอนพินัยกรรมฝ่ายเมืองที่มารดาทำไว้กับที่ว่าการอำเภอ ซึ่งทำกับนายอำเภอเอง โดยในพินัยกรรมนั้นแต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการมรดก พินัยกรรมฉบับนี้เป็นพินัยกรรมฝ่ายเมืองฉบับที่ 2 ฉบับแรกก็เป็นพินัยกรรมฝ่ายเมืองเช่นกัน แต่ให้พี่สาวของข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการมรดก พินัยกรรม 2 ฉบับนี้มีใจความคล้ายกันมาก มีที่ทั้งหมด 6 แปลง 4แปลงในพินัยกรรมแบ่งให้บุตรที่เป็นทายาทเหมือนกับฉบับแรก ส่วนอีก 2 แปลงแม่ได้แบ่งให้บุตรของตนใหม่ แต่การแบ่งใหม่ของที่ 2 แปลงนี้ไม่เหมือนเดิม พี่ชายคนที่ฟ้องข้าพเจ้าเค้าได้เนื้อที่เท่าเดิม แต่เป็นคนละตำแหน่งกับพินัยกรรมฉบับแรก เค้าเขียนในคำบรรยายฟ้องว่าผมฉ้อฉลหรือทำพินัยกรรมปลอม ขนมรดกขณะมารดากำลังจะตายแทนที่จะไปดูแล ทั้ง ๆ ที่คำบรรยายฟ้องนั้น ตัวพี่ชายเองเป็นคนทำเองทั้งสิ้น พวกพี่น้องที่เหลือยังพูดกันเลยทุกคน ว่าเค้าคิดได้ยังไง สาเหตุที่แม่เปลี่ยนพินัยกรรมเพราะไม่พอใจบุตรบางคน อย่างเช่นพี่ชายคนที่ฟ้องข้าพเจ้า ก่อนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ อาการยังไม่หนัก พอดีแม่ป่วยเป็นมะเร็งปอด ต้องรักษาตัวที่กรุงเทพ บ้านอยู่ที่สุราษฎร์ธานี ต้องไป ๆ กลับ อยู่เรื่อย ไม่ได้ทำสวนเอง พี่ชายคนนี้เป้นคนอาสาทำแล้วแบ่งรายได้กับแม่แบบลูกจ้างนายจ้างกัน แต่แม่เคยบอกว่าพี่ชายคนนี้โกงแม่แน่ แม่มั่นใจเพราะตอนที่แม่ทำแม่ได้มากว่านี้เยอะ จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนการแบ่งมรดกใหม่ ให้เค้าได้ที่ดินเท่าเดิม แต่เป็นที่ดินราคาถูกกว่าเดิม พี่ชายคนนี้ไม่ยอมไปฟ้องศาลแพ่งหาว่าผมทำพินัยกรรมปลอมบ้าง ฉ้อฉลบ้าง ทนายเค้าก็ว่ากระทบกระเทียบต่าง ๆ นานา พอดีข้าพเจ้าเปิดร้านขายซ่อมคอมพิวเตอร์ด้วย ทนายเค้าก็พูดกับศาลว่า ผมเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์เค้าอาจทำปลอมมาก็ได้ ใช้วิธีหลอกลวงให้แม่ทำพินัยกรรมยกที่ราคาสูงให้ผมกับน้องสาวผมบ้าง ผมต้องการให้ศาลพิจารณาไปตามกระบวณการของศาลเพื่อพิสูจน์ตัวเองด้วย ว่าพินัยกรรมฉบับนั้นเป็นของจริง แต่ปรากฎว่าฝ่ายพี่ชายให้ทนายของเค้ามาขอประนีประนอมยอมความเสียเอง โดยเนื้อหาทางผมต้องยอมที่ทางเค้าต้องการล้วน ๆ มีการขู่ทายาทคนอื่นว่า จะถ่วงเวลาการฟ้องศาลอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วเค้าจะคอยเก็บผลประโยชน์รายได้จากสวนไปเรื่อย ๆ ถ้าเค้าแพ้ศาลชั้นต้น เค้าก็จะอุทรณ์อีก 10ปี 20ปี เค้าก็จะทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าใครไปยุ่งหรือเก็บผลประโยชน์จากสวน เค้าจะยิงทิ้ง เค้ายอมติดคุก ทายาทคนอื่นกลัว เพราะเค้าเคยติดคุกมาก่อน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา เค้าขนย้ายทรัพย์ที่บ้าน รถยนต์ของแม่เค้าก็ไม่ยอมคืนมาสู่กองมรดก ทำสวนก็ไม่ทำบัญชี แล้วยังร้องขอศาลให้เค้าเป็นคนทำสวนอีก ศาลก็มาบีบคั้นผม บอกว่าเป็นพี่น้องกัน อะไรยอมกันได้ก็ยอม ผมก็ยอมอีกให้เค้าทำสวนไป แต่พี่น้องที่เหลือบอกว่าไม่อยากให้ทำเพราะเดี๋ยวเค้าก็โกงอีก เพราะถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ให้เค้าเหมาทำซะ ต้องป้องการโกงได้บ้าง พี่น้องคนอื่นบอกให้เค้าทราบแล้วแต่เค้าไม่ทำตามเลย บอกว่าศาลบอกว่าให้เค้าทำแล้วเค้าจะทำยังไงก็ได้ เพราะศาลไม่ได้ระบุ ตอนนี้ผมฟ้องพี่ชายคนนี้ในฐานะผู้จัดการมรดก ให้เค้าคืนรถยนต์ของแม่มาขายเพราะเค้าเคยบอกว่าจะซื้อเอาไว้เอง ทางเราก็บอกว่าได้ทำซื้อเอาไว้เลย แต่ถ้าไม่ซื้อก็นำมาขายซะเพราะรถยนต์ถ้าเอาไว้นาน ๆ ราคามันจะตกลงหลายหมื่น แต่เค้าก็เพิกเฉยอีก วันที่ศาลนัดพร้อม เค้าก็ไม่มา แต่ทำคำฟ้องแย้งไว้ เนื้อหาบอกว่ารถยนต์คันนั้นเป้นของเค้า เค้าซื้อในชื่อของแม่ เป็นสัญญาเช่าซื้อลักษณะพิเศษ เค้าได้แอบเอาบิลที่แม่ไปชำระกับธนาคารไปหมดเลย แต่ความจริงแล้ว ตอนที่ซื้อรถคันนี้เค้ายังติดคุกอยู่เลย อยากถามว่าการให้การเป็นหนังสื้อฟ้องแย้งนี้เป็นคำกล่าวเท็จอย่างนี้เค้าต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ เพราะผมฟ้องแพ่งเค้าอย่างเดียว อยากทราบจริง ๆ ครับ เพราะว่าเค้าให้การโกหก แล้วใส่ร้ายต่าง ๆ นานา บรรยายคำฟ้องซะจนผมนี่ไม่น่าเกิดเป็นคนเลย ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าว่าเลยสักนิด แต่ชาวบ้านที่เค้าไปสาธยายไว้เชื่อไปหลายคนแล้ว รวมทั้งญาติพี่น้องบางคนก็ไม่ค่อยจะอยากคุยกับผมแล้ว แต่ยังดีอีกย่างหนึ่งที่ทำให้ผมสบายใจขึ้น คือพี่น้องแท้ ๆ ของผม ทุกคนอยู่ฝ่ายผมหมด รู้ว่าใครดีใครชั่ว ทุกวันนี้พี่น้องแท้ ๆ ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับพี่ชายคนนี้อีกเลย เพราะเค้าทำการฉ้อโกงพี่น้องทุกคน แต่เค้ากลับมาฟ้องผม ทั้ง ๆ ที่ความผิดทั้งหมดเค้าเป็นคนทำทั้งนั้น
ที่เล่ามาน่ะก็น่าเห็นใจอยู่ แต่จะถามว่าอย่างไรล่ะ อนึ่ง เมื่อพบกับคนที่ไม่ซื่อตรง ก็คงต้องหาทนายความเพื่อทำคดีให้