ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    033517 ถูกบริษัทอิออนฟ้องโดยสำนักงานกฎหมาย เอซีเอสเซฮร์วิสซิ่งปริญญา มะโนชัย6 กุมภาพันธ์ 2552

    คำถาม
    ถูกบริษัทอิออนฟ้องโดยสำนักงานกฎหมาย เอซีเอสเซฮร์วิสซิ่ง

    สวัสดีครับคุณทนาย 

          ผมซื่อนายปริญญา  มะโนชัย  ผมอายุ  33  ปี  มีลูก  4  คน  (ลูกอาศัยอยู่กับปู่ย่า)  ผมกำลังจะถูก  บริษัทอิออนฟ้อง  โดย  สำนักงานกฏหมาย  เอซีเอสเซอร์วิสซิ่ง  เลขที่  699  อาคารมอเดอร์ฟอร์ม  ชั้น  12  อาคารศรีนครินทร์  แขวงสวนหลวง  เขตสวนหลวง  กรุงเทพฯ  มูลค่าที่จะฟ้อง  15,236.08 สตางค์ 
          ผมขอเล่าความเป็นมาก่อนนะครับ  ประมาณเดือนธันวาคม  พ.ศ.  2550  ผมได้ไปซื้อกล้องดิจิตอลที่ร้านแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์  โดยใช้บัตรอิออนซื้อ  มูลค่ากล้องประมาณ  12,990  บาท  รวมดอกเบี้ยตกอยู่ประมาณ  16,990  บาท  แล้วผมขอเปลี่ยนจากกล้องเป็นเงินสดแทน  ได้เงินมา  9,000  บาท  หลังจากนั้นก็ผ่อนชำระกับอิออนในราคารวมดอกเบี้ยเรื่อยมา  เดือนละประมาณ  691  บาท  24  งวด  ผ่อนมาได้ประมาณ  6  งวด  เหลือประมาณ  12,000  กว่าบาท  ก็ส่งบ้างไม่ส่งบ้างเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี  (ทำกิจการค้าขายของตนเอง)  เอาเงินไปใส่ตู้อิออนครั้งละ  1,000  บ้าง  (2  ครั้ง)  ไปจ่ายที่สาขาอิออนครั้งละ  691  บาทบ้าง  (1  ครั้ง)  แต่ได้ใบเสร็จรับเงินที่ไม่น่าจะใช่ใบเสร็จจริง  อีกอย่างยอดเงินก็ไม่ลดลงเลย  ผมก็เลยไม่ส่งต่อ  บริษัทอิออนก็มีจดหมายและโทรศัพท์มาทวงถาม  แต่ผมก็ไม่มีเงินส่งเพราะกิจการที่ผมทำอยู่เจ๊งไปแล้ว  และก็มาอาศัยกับพ่อแม่อยู่  แถมพ่วงรถกระบะมาให้ท่านส่งต่ออีกเดือนละ  8,404  บาท  พร้อมค่าปรับที่ค้างชำระอีก  2  งวด  รวม ๆ  แล้ว  ประมาณ  9,000  กว่าบาท  อาศัยกินกับพ่อแม่ไปวัน ๆ  (ก่อนที่ผมจะเปิดร้านตัวเอง  ผมเคยทำงานที่ว่าการอำเภอ  ได้เงินเดือนประมาณหมื่นกว่าบาท  และได้ลาออกมาทำกิจการของตัวเองเพราะปัญหาบางอย่าง)  ก็มีจดหมายทวงหนี้มาเรื่อย  จนวันที่  2  กุมภาพันธ์  2552  ได้มีจดหมายจากสำนักงานกฏหมายดังกล่าวส่งมาว่าจะฟ้องผม  หากไม่ชำระเงิน  และอาจโดนข้อหายักยอกทรัพย์  มีโทษจำคุก  3  ปี  และพ่อผมได้โทรไปคุยเพื่อขอรับชำระหนี้เองโดยการผ่อนส่งเป็นเดือน ๆ  แต่ทนายที่ติดต่อไปบอกว่าไม่มีอำนาจพอ  และบริษัทก็ไม่ยอมโอนหนี้ให้พ่อผม  เรื่องได้ส่งไปแล้ว  หากต้องการยับยั้งการฟ้องให้นำเงิน  50 %  จำนวน  8,000  บาท  มาชำระภายในวันที่  6  กุมภาพันธ์  2552  ส่วนที่เหลือค่อยนำมาชำระทีหลัง  ไม่เช่นนั้นก็จะต้องขึ้นศาล  ที่ศาลแขวงพระโขนง  รวมค่าทนายแล้วประมาณ  20,000  กว่าบาท 
          ผมขอเริ่มคำถามเลยนะครับ
                1.  หากผมไม่ชำระเงินผมจะโดนข้อหายักยอกทรัพย์ไหมครับ  (หาไม่ทันจริง ๆ  ครับ)
                2.  ถ้าผมไปขึ้นศาลแขวงพระโขนงไม่ทัน  (ผมบอกว่าขอขึ้นศาลที่สุรินทร์ได้ไหม  เขาบอกว่าไม่ได้  ต้องที่ศาลแขวงพระโขนงเท่านั้น  เพราะเขาเก่งที่นั่น  และผมต้องแพ้คดีแน่นอน)  จะมีผลอย่างไรบ้างครับ
                3.  ถ้าผมแพ้คดีผมต้องถูกยึดทรัพย์  และรถยนต์ที่ผ่อนอยู่จะถูกยึดหรือไม่ครับ  เพราะตอนนี้พ่อผมเป็นคนหาส่ง
                4.  มีทางที่จะให้บริษัทอิออนรับชำระโดยการผ่อนชำระหรือไม่  เพราะตอนนี้  (กุมภาพันธ์เป็นต้นไป)  ผมไปรับจ้างเฝ้าร้านอินเตอร์เน็ตให้ญาติ  พอจะมีผ่อนส่งได้

          ขอความช่วยเหลือในการตอบคำถามด้วยนะครับ  เพราะพ่อแม่ผมกลุ้มใจมาก  บอกว่าอย่าไปใช้บริการอิออนเลย  แต่ผมไม่ฟังเอง  เลยต้องนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ท่าน  อิออนบอกว่าได้ส่งข้อมูลเครดิตของผมไปให้เครดิตบูโรแล้ว  และอีกอย่างผมคงไม่กล้าไปใช้บริการสินเชื่อเงินผ่อนที่ไหนอีกแล้วล่ะครับ  ขอความกรุณาด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ
     

    คำตอบ

    1. ไม่แน่ใจว่าสัญญาในบัตรอิออนมีลักษณะอย่างไร เพราะไม่เคยใช้ แต่ถ้าเป็นเหมือนบัตรเครดิตทั่ว ๆ ไป ก็ไม่น่าจะเป็นความผิดอาญา  แต่คุณก็ช่างกระไรเลย คิดอะไรง่าย ๆ ซื้อของราคาหมื่นหก แล้วขายเอาเงินสดเก้าพัน เริ่มต้นก็ขาดทุนป่นปี้แล้ว บัตรเครดิตธรรมดาทั่วไปที่เขาให้รูดเงินก็มีถมไป  แต่ก็เป็นบุญแล้วที่ต่อไปนี้คงไม่มีใครให้บัตรเครดิตคุณอีก อันจะเป็นผลดีต่อตัวคุณ

    2. ก็เมื่อคุณกู้เขาจริง ไปขึ้นศาลไหน ๆ ก็คงแพ้อยู่ดี

    3. ถ้าเขารู้เขาก็ตามมายึดไปขายได้

    4. ก็ต้องลองติดต่อกับเขาดู จำนวนเงินไม่มากนัก เขาก็คงไม่ค่อยอยากฟ้องให้เสียค่าใช้จ่ายนักหรอก เพราะชนะคดีแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะยึดอะไรจากคุณได้สักเท่าไร


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    6 กุมภาพันธ์ 2552