ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    033298 มีทางออกอย่างไรบ้างค่ะอนรรฆวี27 มกราคม 2552

    คำถาม
    มีทางออกอย่างไรบ้างค่ะ

    เรียน  คุณลุงมีชัย

    หนูกับครอบครัว(พ่อ แม่) ได้ทำสัญญาจะซื้อ-ขาย กับทางบ้านเอื้ออาทร  โดยได้เข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 50 จนประมาณปลายปี 51 เริ่มมีปัญหาเรื่องการค้างชำระ โดยมีจดหมายจากทางธนาคารแจ้งว่าค้างชำระค่างวด 3 งวดให้ติดต่อกับทางธนาคาร ซึ่งก็ได้ติดต่อและทางธนาคารแจ้งว่าให้ชำระต้นเดือน ส.ค.จำนวนเงิน 12000.-บาทและสิ้นเดือนอีก 6000 บาท แต่เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวหนูกำลังจะคลอดลูกกำหนดคลอด 23 กย.แต่หมอแจ้งว่าอาจจะเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากต้องผ่าคลอด(ท้อง 2 ) หนูจึงชำระให้กับธนาคารไป 12000.-บาท หลังจากนั้นหนูก็ไม่ได้ติดต่อกับทางธนาคารเนื่องจากกังวลเรื่องการคลอดลูกและเตรียมเงินค่าคลอดโดยมอบหมายให้แฟนติดต่อกับทางธนาคารแทน  จนมาเดือน ตค.มีจดหมายแจ้งจากทางธนาคารว่าค้างชำระค่างวด 2 งวด วันที่ที่ระบุในจดหมายคือวันที่ 14 พย.ต่อมาวันที่ 26 พย.หนูก็ไปชำระ 1 งวด (3000) โดยที่ทางธนาคารไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบเลย  จนวันที่ 3 ธค.มีจดหมายจากทางเคหะแจ้งให้ทำการย้ายออก  เนื่องจากทางการเคหะ(โครงการ)ได้ทำการซื้อคืนจากธนาคารแล้ว  หนูจึงติดต่อไปที่ทางเคหะ ทางเคหะแจ้งว่าได้ทำการซื้อคืนจากทางธนาคารในวันที่ 25 พย.ให้ติดต่อกับทางธนาคาร พอติดต่อกับธนาคาร เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าเราได้ออก จม.แจ้งให้ลูกค้าทราบแล้ว หนูก็อ้าง จม.ที่ลงวันที่ 14 พย.ว่าทางธนาคารแจ้งว่าค้างแค่ 2 งวดแล้วทำไมถึงทำการขายคืนให้เคหะ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ครบ 3 งวด(เพราะปกติดิวที่ต้องชำระคือ วันที่ 29 ของทุกเดือน)  ทางธนาคารแจ้งว่าลูกค้าต้องทราบตัวเองว่าค้างชำระกี่งวด หนูก็เลยแย้งไปว่า โดยปกติทางธนาคารต้องทำหนังสือแจ้งการค้างค่างวดก่อนมิใช่หรือ ซึ่งก็เคยทำแจ้งมายังลูกค้า แต่ทำไมคราวนี้ไม่มีแม้กระทั่งหนังสือเตือน ธนาคารบอกว่าเราโทรหาลูกค้าแล้วติดต่อไม่ได้ ซึ่งทางหนูยืนยันได้เลยว่าไม่เคยมีการติดต่อจากทางธนาคาร  ซึ่งเรื่องดังกล่าวจบลงโดยการให้ย้ายออก  โดยให้ชำระเงินจำนวน 12000 กว่าบาท(ทางโครงการแจ้งว่าเป็นดอกเบี้ย) ซึ่งทางหนูก็ได้ชำระไปแล้ว  หลังจากนั้นได้มีจดหมายจากทางโครงการส่งมาให้เซ็นต์ชื่อย้ายออก ซึ่งทางหนูยังไม่เซ็นต์เนื่องจากต้องการที่ขอซื้อห้องชุดนี้คืน  จึงขอเรียนถามคุณลุงว่า

    1.หนูมีสิทธิ์ที่จะทำการซื้อคืนห้องชุดดังกล่าวได้หรือไม่และต้องปฏิบ้ติตัวหรือมี ทางออกอย่างไรบ้างค่ะ

    2.จากการปรึกษาทหนาย 2-3 คน แนะนำว่า หากต้องการที่จะซื้อคืนหรือประสงค์ที่จะอยู่ต่อ ไม่ต้องเซ็นหนังสือที่ทางโครงการส่งมา ให้อยู่รอจนกว่าจะมีหมายศาลแล้วถึงไปไกล่เกลี่ยที่ศาล  หากหนูทำตามจะมีความผิด หรือมีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ค่ะ

    3.การที่ทางธนาคารขายคืนให้การเคหะ  ทางธนาคารมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ได้หรือไม่ค่ะ

    4.ทางการเคหะแจ้งว่าหากไม่ย้ายออก จะทำการตัดนำ ตัดไฟ ทางการเคหะมีสิทธิ์ที่จะทำได้หรือไม่ค่ะ

    รบกวนคุณลุงช่วยตอบด้วยนะคะ

    ขอบพระคุณค่ะ

    อนรรฆวี

    คำตอบ

    1.การจะซื้อคืนได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องเจรจากับทางการเคหะ โดยปกติถ้าการเคหะทำหน้าที่ตรงไปตรงมาก็ควรขายคืนให้คุณ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการเคหะก็เพื่อช่วยเหลือคนไม่มีที่อยู่ จึงควรลองไปเจรจากับเขาดู

    2. ทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ในที่สุดก็จะเสียค่าใช้จ่ายในการขึ้นศาล รวมทั้งค่าทนายความของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้ามีทางเจรจากับเขาได้ก็ควรเจรจากับเขาดูก่อน

    3. ธนาคารนั้น เขาไม่สนใจในความเดือดร้อนของใคร เขาคำนึงแต่เพียงว่าเขาจะได้เงินคืนหรือไม่ ดังนั้นเมื่อเกิดท่าทีไม่แน่นอน เขาก็รีบขายคืนเพื่อเอาเงินมาไว้ก่อน จะไปหวังความเห็นใจจากธนาคารไม่ได้หรอก ไม่ว่าในกรณีใด

    4. ถ้าคุณไม่ค้างค่าน้ำไฟ และคุณเป็นคนขอน้ำไฟเอง เขาก็ไม่น่าจะมีสิทธิตัดน้ำไฟเองได้


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    27 มกราคม 2552