เรียน คุณลุงมีชัย
หนูกับครอบครัว(พ่อ แม่) ได้ทำสัญญาจะซื้อ-ขาย กับทางบ้านเอื้ออาทร โดยได้เข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 50 จนประมาณปลายปี 51 เริ่มมีปัญหาเรื่องการค้างชำระ โดยมีจดหมายจากทางธนาคารแจ้งว่าค้างชำระค่างวด 3 งวดให้ติดต่อกับทางธนาคาร ซึ่งก็ได้ติดต่อและทางธนาคารแจ้งว่าให้ชำระต้นเดือน ส.ค.จำนวนเงิน 12000.-บาทและสิ้นเดือนอีก 6000 บาท แต่เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวหนูกำลังจะคลอดลูกกำหนดคลอด 23 กย.แต่หมอแจ้งว่าอาจจะเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากต้องผ่าคลอด(ท้อง 2 ) หนูจึงชำระให้กับธนาคารไป 12000.-บาท หลังจากนั้นหนูก็ไม่ได้ติดต่อกับทางธนาคารเนื่องจากกังวลเรื่องการคลอดลูกและเตรียมเงินค่าคลอดโดยมอบหมายให้แฟนติดต่อกับทางธนาคารแทน จนมาเดือน ตค.มีจดหมายแจ้งจากทางธนาคารว่าค้างชำระค่างวด 2 งวด วันที่ที่ระบุในจดหมายคือวันที่ 14 พย.ต่อมาวันที่ 26 พย.หนูก็ไปชำระ 1 งวด (3000) โดยที่ทางธนาคารไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบเลย จนวันที่ 3 ธค.มีจดหมายจากทางเคหะแจ้งให้ทำการย้ายออก เนื่องจากทางการเคหะ(โครงการ)ได้ทำการซื้อคืนจากธนาคารแล้ว หนูจึงติดต่อไปที่ทางเคหะ ทางเคหะแจ้งว่าได้ทำการซื้อคืนจากทางธนาคารในวันที่ 25 พย.ให้ติดต่อกับทางธนาคาร พอติดต่อกับธนาคาร เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าเราได้ออก จม.แจ้งให้ลูกค้าทราบแล้ว หนูก็อ้าง จม.ที่ลงวันที่ 14 พย.ว่าทางธนาคารแจ้งว่าค้างแค่ 2 งวดแล้วทำไมถึงทำการขายคืนให้เคหะ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ครบ 3 งวด(เพราะปกติดิวที่ต้องชำระคือ วันที่ 29 ของทุกเดือน) ทางธนาคารแจ้งว่าลูกค้าต้องทราบตัวเองว่าค้างชำระกี่งวด หนูก็เลยแย้งไปว่า โดยปกติทางธนาคารต้องทำหนังสือแจ้งการค้างค่างวดก่อนมิใช่หรือ ซึ่งก็เคยทำแจ้งมายังลูกค้า แต่ทำไมคราวนี้ไม่มีแม้กระทั่งหนังสือเตือน ธนาคารบอกว่าเราโทรหาลูกค้าแล้วติดต่อไม่ได้ ซึ่งทางหนูยืนยันได้เลยว่าไม่เคยมีการติดต่อจากทางธนาคาร ซึ่งเรื่องดังกล่าวจบลงโดยการให้ย้ายออก โดยให้ชำระเงินจำนวน 12000 กว่าบาท(ทางโครงการแจ้งว่าเป็นดอกเบี้ย) ซึ่งทางหนูก็ได้ชำระไปแล้ว หลังจากนั้นได้มีจดหมายจากทางโครงการส่งมาให้เซ็นต์ชื่อย้ายออก ซึ่งทางหนูยังไม่เซ็นต์เนื่องจากต้องการที่ขอซื้อห้องชุดนี้คืน จึงขอเรียนถามคุณลุงว่า
1.หนูมีสิทธิ์ที่จะทำการซื้อคืนห้องชุดดังกล่าวได้หรือไม่และต้องปฏิบ้ติตัวหรือมี ทางออกอย่างไรบ้างค่ะ
2.จากการปรึกษาทหนาย 2-3 คน แนะนำว่า หากต้องการที่จะซื้อคืนหรือประสงค์ที่จะอยู่ต่อ ไม่ต้องเซ็นหนังสือที่ทางโครงการส่งมา ให้อยู่รอจนกว่าจะมีหมายศาลแล้วถึงไปไกล่เกลี่ยที่ศาล หากหนูทำตามจะมีความผิด หรือมีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ค่ะ
3.การที่ทางธนาคารขายคืนให้การเคหะ ทางธนาคารมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ได้หรือไม่ค่ะ
4.ทางการเคหะแจ้งว่าหากไม่ย้ายออก จะทำการตัดนำ ตัดไฟ ทางการเคหะมีสิทธิ์ที่จะทำได้หรือไม่ค่ะ
รบกวนคุณลุงช่วยตอบด้วยนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ
อนรรฆวี
1.การจะซื้อคืนได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องเจรจากับทางการเคหะ โดยปกติถ้าการเคหะทำหน้าที่ตรงไปตรงมาก็ควรขายคืนให้คุณ เพราะวัตถุประสงค์หลักของการเคหะก็เพื่อช่วยเหลือคนไม่มีที่อยู่ จึงควรลองไปเจรจากับเขาดู
2. ทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ในที่สุดก็จะเสียค่าใช้จ่ายในการขึ้นศาล รวมทั้งค่าทนายความของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้ามีทางเจรจากับเขาได้ก็ควรเจรจากับเขาดูก่อน
3. ธนาคารนั้น เขาไม่สนใจในความเดือดร้อนของใคร เขาคำนึงแต่เพียงว่าเขาจะได้เงินคืนหรือไม่ ดังนั้นเมื่อเกิดท่าทีไม่แน่นอน เขาก็รีบขายคืนเพื่อเอาเงินมาไว้ก่อน จะไปหวังความเห็นใจจากธนาคารไม่ได้หรอก ไม่ว่าในกรณีใด
4. ถ้าคุณไม่ค้างค่าน้ำไฟ และคุณเป็นคนขอน้ำไฟเอง เขาก็ไม่น่าจะมีสิทธิตัดน้ำไฟเองได้