กราบเรียน ท่านอาจารย์มีชัย
เนื่องจากหลังจากที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้แล้ว ปรากฎว่าหน่วยงานต่าง ๆได้ออกหลักเกณฑ์และวิธีการที่องค์กรกลางบริการงานบุคคลแต่ละหน่วยงานกำหนด เช่นกระทรวงมหาดไทย ในการพิจารณารองผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าสอบแสดงวิสัยทัศน์เพื่อรับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด คุณสมบัติรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเข้าสอบต้องดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นระยะเวลา 4 ปี แต่ปรากฎว่ารองผู้ว่าที่ปฎิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามระเบียบสำนักนายกดังกล่าวข้างต้น ซึ่งดำรงตำแหน่งเพียง 3 ปีแต่สามารถเข้าสอบวิสัยทัศน์ได้ แต่สำหรับส่วนราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งกำลังจะเปิดอบรมหลักสูตรต่างๆ เช่น โรงเรียนผู้กำกับการ จะคัดเลือกรองผู้กำกับการที่ดำรงตำแหน่ง 2 ปี เข้ารับการอบรม กลับไม่พิจารณารองผู้กำกับการที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯดังกล่าวข้างต้น โดยอ้างว่าองค์การกลางคือ กตร.ยังไม่ออกกฎเกณฑ์ออกมา จึงทำให้รองผู้กำกับการดังกล่าวจะไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่รองผู้กำกับการดังกล่าว เสียสิทธิในการจะได้รับการพิจารณาเข้ารับการอบรม นอกจากนั้น ยังมีแนวความคิดว่าจะให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้แข่งขันกันเอง ซึ่งน่าจะไม่ตรงกับเจตนารมย์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ออกมา นอกจากนั้น ยังไม่นำมาพิจารณาในการแต่งตั้งตำแหน่งให้สูงขึ้นอีก ซึ่งพวกกระผมเป็นผู้มีความรู้และการศึกษาน้อย จึงมีความสงสัยว่าการที่องค์กรกลางของหน่วยงานไม่ออกหลักเกณฑ์และวิธีการนั้นเป็นเหตุให้ผู้มีสิทธิดังกล่าว เสียสิทธิ และยังจะออกกฎเกณฑ์มารอนสิทธิอีกทั้งที่ในข้อ 5 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีต้องมีการจัดสรรโควต้าพิเศษสำหรับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม อีกทั้งในบทเฉพาะกาลยังระบุให้คณะกรรมการ ก.บ.จ.ต.พิจารณาวางแนวทางปฏิบัติด้วย ซึ่งจากกรณีที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่การเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมเท่านั้น ดังนั้นสิทธิอื่น ๆยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง การที่ข้าราชการส่วนกลางซึ่งไม่ได้ปฏิบัติอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นผู้พิจารณานั้นไม่น่าจะเป็นการถูกต้องเพราะไม่เคยได้รับรู้รับทราบว่าการเสี่ยงและความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอีกทั้งน่าจะคิดว่าข้าราชการดังกล่าวกลับมีสิทธิพิเศษมากกว่าข้าราชการส่วนกลาง จึงกราบเรียนมายังท่านขอได้โปรดพิจารณาว่าถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร.หรือไม่ เพราะเหตุใด และสามารถฟ้องต่อศาลใดเพื่อให้บังคับใช้ และเรียกร้องค่าเสียหาย เนื่องจากการเดินทางมาตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังกล่าวอีกว่าให้ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้าเสนอแนวทางที่จะให้ใช้พิจารณาเป็นกรณีพิเศษทั้งที่ระเบียบกฎหมายก็มีอยู่แล้วแต่มิได้ใส่ใจเพราะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กำลังพลซึ่งจะเป็นผู้เสียประโยชน์ไปประชุมชี้แจงกับคณะกรรมการ กบจต.ที่มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานนอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาบุคคลที่จะเข้ารับการอบรมซึ่งทราบถึงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว แต่อ้างว่า ก.ตร.ไม่ออกหลักเกณฑ์
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ข้าราชการตำรวจผู้ปฎิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ข้าฯซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยและด้อยความรู้และการศึกษาเคยหารือเจ้าหน้าที่ซึ่งก็ได้รับการเสนอแนะให้ไปฟ้องศาลปกครอง ด้วยเหตผลดังกล่าวข้างต้น จึงขอท่านได้โปรดประชุมคณะกรรมการ ก.บ.จ.ต.และช่วยเป็นปากเสียงให้ด้วยเนื่องจากข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เองไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้โดยตรงและคนที่เข้าร่วมก็มิใช่ผู้ที่สัมผัสหรือผู้ประสบเหตุต่าง ๆด้วยตนเองแต่กลับไปเป็นผู้พิจารณาแทน จึงกราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง