ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    033268 บัตรเครดิตศริน26 มกราคม 2552

    คำถาม
    บัตรเครดิต

    สวัสดีค่ะ ท่านมีชัยและทีมงาน

    หนูมีเรื่องมาขอคำปรึกษาค่ะ

    น้องชายเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ 80000 บาทไม่รวมดอกเบี้ยและมีจดหมายจากบ.กฎหมายว่าจะทำการฟ้อง หนูได้ช่วยน้องโทรไปบ.กฎหมายและตกลงกันตามที่หนูแจ้งขอแต่บ.กฎหมายทิ้งท้ายว่าขอคุยกับผจก.ฝ่ายเครดิตก่อน หนูร้อนใจจึงโทรไปติดต่อด้วยตนเอง เพราะหวังว่าหากเราแสดงเจตนารมณ์ที่จะไม่หนีและยินดีที่จะชำระหนี้ เพียงแต่ขอลดค่างวดแต่ละงวดลง ซึ่งผจก.พูดจาไม่ดีเลยไม่ยอมคุยกับหนู โดยบอกว่าไม่ต้องมาอ้างโน่นนี่นั่น โทรมาแล้วเขาไม่ได้เงินก็ไม่ต้องโทรมา และยืนยันว่าไม่ประณีประนอมหนูได้แจ้งกลับไปว่าทางบตก.กฎหมายยังเข้าใจเหตุผลและเจตนาที่จะชำระ และยอมรับระดับหนึ่งเพียงแต่ขอความเห็นใจแต่คำพูดหนูเขาไม่ฟังเลยค่ะ ย้ำคำเดียวว่าต้องได้ตามที่เขาต้องการ และบ.กฎหมายก้อไม่มีสิทธิ์อนุมัติตามที่หนูขอ เพราะบ.กฎหมายเป็นลูกจ้างธนาคาร

    หลังจากนั้นสองวันทางบ.กฎหมายมีจดหมายระบุเงื่อนไขตามที่หนูขอมาที่บ้านหนูก็แปลกใจว่าธนาคารยืนกรานว่าไม่ยินยอมแต่บ.กฎหมายมีจดหมายมาหนูจึงโทรไปสอบถามบ.กฎหมาย ได้ความว่าเขาให้หัวหน้าคุยกับผจก.แล้วและผจก.ก็ยินยอมแล้ว หนูก้อเชื่อเพราะมีหนังสือระบุมาชัดเจนแต่เป็นของบ.กฎหมายนะคะ

    หนูได้อธิบายให้น้องชายฟังเขาก้อรับปากว่าจะพยายามหามาชำระให้ได้ซึ่งก้อได้ชำระตามที่ตกลงกันมาสามเดือนแล้วค่ะ แต่ปัญหาไม่ได้จบเพียงเท่านี้

    วันนี้บ.กฎหมายโทรมาทวงเงินหนูเหมือนเช่นเคย(หนูเหมือนกลายเป็นหนี้บัตรซะเอง) หนูได้ถามบ.กฎหมายว่าตั้งแต่ชำระมาสามเดือนยังไม่เคยได้รับจดหมายตอบรับกลับมาเลยว่าได้รับเงินที่ชำระไปแล้วเป็นเงินเท่าไรยังคงเหลือเท่าไร บ.กฎหมายเริ่มทำเสียงดังกับหนูบอกให้หนูไปพูดกับผจก.ฝ่ายเครดิตเอง หนูก็งงสิคะ ก้อในเมื่อบ.กฎหมายประสานงานกับหนูตกลงกับหนู แล้วมาโยนให้หนูไปคุยเองอีก หนูก็ตอบไปว่าหนูไม่คุยกับผจก.เพราะเขาพูดจาไม่ดี ไม่รับฟังเหตุผลให้ทางบ.กฎหมายช่วยติดตามให้หน่อย บ.กฎหมายตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ว่าเขาเหนื่อยแล้วปวดหัว โอนเงินเขาหมายเลขบัตรเครดิตแล้วก็ถือว่าชำระแล้ว หนูเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน ว่าคุยอยู่ดีทำไมต้องมาตวาดกันด้วยหนูเลยวางสายไม่อยากพูดด้วยค่ะ ทั้งหมดนี้จึงมีข้อที่จะขอคำปรึกษาดังนี้ค่ะ

    1. จดหมายจากบ.กฎหมายที่ตกลงกับหนู ถือว่าเป็นข้อตกลงกับทางธนาคารได้มั๊ยคะ

    2. จำเป็นมั๊ยคะ ที่หนูจะต้องได้รับจดหมายจากทางธนาคารแต่ละงวดที่หนูได้ชำระไปแล้ว (หนูเก็บหลักฐานการโอนของน้องชายไว้ค่ะ)

    3. หนูยังคงควรที่จะโอนตามข้อตกลงกับบ.ธนาคารอยู่หรือเปล่าคะ เพราะวันที่หนูคุยกับธนาคารเขายืนกรานว่าไม่ตกลง แต่บ.กฎหมายบอกตกลง

    4.จะมีทางใหนที่จะทราบข้อตกลงที่ชัดเจนของทั้งสองฝ่าย(ธนาคารกับบ.กฎหมาย) หนูเริ่มกังวลค่ะว่าหลอกให้โอนแล้วธนาคารแจ้งว่าไม่รับทราบข้อตกลง

     เบื้องต้นหนูขอรบกวนท่านอามีชัยและทีมงานเท่านี้ก่อนค่ะ ขอความกรุณาตอบด่วนด้วยนะคะ เพราะถึงวันที่จะต้องโอนชำระแล้ว แต่สับสนไม่แน่ใจว่าจะโอนไปเสียเปล่าหรือไม่เพราะ หนูก็มีส่วนแบ่งเงินมาช่วยน้องบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยมีแต่ก็คิดว่าเอาเงินเขามาก็ต้องใช้เขา แต่ขอยืดเวลาบ้าง เพื่อน้องจะได้มีทางออกในวิกฤตขณะนี้ อนาคตข้างหน้าน้องอาจจะฟื้นตัวขึ้นมาก้อได้ อยากขอโอกาสให้คนได้ผ่านพ้นวิกฤต

                                                 ขอบคุณมากค่ะ

    คำตอบ

    1.ถ้าคุณไม่มีหลักฐานว่า บริษัทกฎหมายได้รับมอบอำนาจเต็มจากธนาคาร การตกลงใด ๆ ที่ธนาคารไม่พอใจ ธนาคารก็อาจปฏิเสธในภายหลังได้

    2. เมื่อชำระหนี้แล้วก็ควรต้องมีใบรับจากเจ้าหนี้ว่าได้รับเงินแล้ว แต่ในทางปฏิบัติเขาชำระกันอย่างไรก็ไม่เคยทราบเหมือนกัน

    3. ถ้ายังไม่แน่ใจก็ไม่ควรโอนเงินไป เพราะอาจสูญเปล่าได้ สำหรับประวัติในเรื่องการเสียเครดิตนั้น ป่านนี้เขาคงบันทึกไว้แล้ว ถึงคุณจะชำระอย่างไร ก็คงไม่ทำให้ฟื้นขึ้นมาได้

    4. ก็ต้องให้น้องชายซึ่งเป็นลูกหนี้ไปตกลงกับเขาแล้วทำหนังสือตกลงกันให้เป็นหลักเป็นฐาน

        การที่ไม่ได้เป็นลูกหนี้ด้วยตนเอง แล้วเข้าไปจัดการนั้นบางทีก็อาจพลาดพลั้งทำให้ตัวเองต้องพลอยรับผิดชอบไปด้วยได้ จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่สมควรไปลงชื่อในเอกสารใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเอกสารที่ไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    26 มกราคม 2552