คำว่า "เป็นที่สุด"ในกฎหมายต่าง ๆ และ การปฏิรูป กม. ตาม รัฐธรรมนูญฯ 2550 มาตรา 81(3)
ผมอยากให้ความต่อไปนี้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมครับ .... หากเป็นไปได้ ขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยส่งต่อไปยังผู้เกี่ยวข้องด้วยครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
" กระผมมีประเด็นข้อกฎหมายที่ขออนุญาตฝากรัฐสภาไว้เพื่อโปรดพิจารณาประกอบการตรา พ.ร.บ. ๒ ประเด็น ดังต่อไปนี้
๑. ประเด็น กฎหมายที่บัญญัติให้ บุคคล หรือ คณะบุคคลที่ไม่ใช่ศาล ให้ทำหน้าที่ตัดสินคดีให้เป็นที่สุด ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ...... กฎหมายมหาชน เล่ม ๓ ที่มาและนิติวิธี โดย ศาสตราจารย์ ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ หน้า ๑๖๕ ได้กล่าวถึง การตั้งคณะบุคคลที่ไม่ใช่ศาลให้ทำหน้าที่ตัดสินคดีให้เป็นที่สุด ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งในคำบรรยายได้ยกตัวอย่าง คำวินิจฉัยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เมื่อ ๑๘ ก.พ. ๒๕๐๑ คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๒๒/๒๕๐๖ และ คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๔๐/๒๕๑๔ ซึ่งรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๒๓๓ มาตรา ๒๗๑ มาตรา ๒๗๖ และมาตรา ๒๘๑ และ รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่มีผลบังคับในขณะนี้ มาตรา ๒๑๘ มาตรา ๒๒๓ และ มาตรา ๒๒๘ ต่างล้วนมีบทบัญญัติในแนวทางเดียวกันว่า ศาลมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ซึ่งมีนัยเดียวกันกับรัฐธรรมนูญฯฉบับที่มีผลบังคับและใช้อ้างอิงในการวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญและของศาลฎีกาดังกล่าว....เท่าที่กระผมตรวจสอบ พ.ร.บ. ที่ตราขึ้นตั้งแต่ รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๔๐ เริ่มมีผลบังคับใช้จนถึงปัจจุบันพบว่ายังมีการตรา พ.ร.บ. ที่มีคำว่า คำวินิจฉัยของ ......( บุคคล หรือ คณะบุคคลที่ไม่ใช่ศาล ) ... ถือเป็นที่สุด ออกมาอยู่เนือง ๆ .....ในทางปฏิบัติจริง ๆ การนำกฎหมายที่มีคำว่า คำวินิจฉัยของ ......( บุคคล หรือ คณะบุคคลที่ไม่ใช่ศาล ) ... ถือเป็นที่สุด มาบังคับใช้ ทำให้ผู้บริสุทธิและหรือผู้ถูกรอนสิทธิแทบทุกกรณี เมื่อเห็นบทบัญญัติที่ขัดรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่างจำใจยอมรับบทบัญญัติดังกล่าวโดยไม่ทราบเลยว่าพวกเขาเหล่านั้นยังมีสิทธิ (ตามรัฐธรรมนูญฯ)นำคดีขึ้นสู่ศาลภายหลังคำวินิจฉัยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยบุคคล หรือ คณะบุคคลที่ไม่ใช่ศาลนั้นได้อีก ดังนั้นเพื่อมิให้เกิดความสับสนดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต กระผมจึงขออนุญาตเสนอแนะดังต่อไปนี้
๑.๑ ตรา พ.ร.บ. ยกเลิก ความว่า เป็นที่สุด ที่ปรากฏในทุก พ.ร.บ. ที่มีความดังกล่าวปรากฏอยู่ โดยใช้แนวทางเดียวกันกับ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔ ที่ยกเลิก มาตรา ๓๘ เดิม แล้วบัญญัติให้ใช้ความใหม่ที่มีผลแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นการ มอบอำนาจ สำหรับทุก พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้อง
๑.๒ จัดทำข้อเตือนใจสำหรับการตรา พ.ร.บ. ฉบับต่อ ๆ ไปในอนาคต ว่าจะต้องไม่มีคำว่า เป็นที่สุด อีกต่อไป
๒. ประเด็น การปฏิรูปกฎหมายตาม รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๑ (๓) กระผมพบว่า พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘๓ ความว่า มาตรา ๘๓ ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องไม่กระทำการใดอันเป็นข้อห้าม ดังต่อไปนี้ ... (๒) ต้องไม่ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ ผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปเป็นผู้สั่งให้กระทำหรือได้รับอนุญาตเป็นพิเศษชั่วครั้งคราว .... เป็นอุปสรรคต่อการ รับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่อยู่ในกระบวนการปฏิรูปตาม รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐๘ เพราะตามความเป็นจริงข้าราชการระดับล่าง ๆ เป็นผู้ที่รู้ปัญหาในรายละเอียดเกี่ยวกับการนำกฎหมายเก่ามาบังคับใช้มากกว่าผู้บังคับบัญชาระดับเหนือ ๆ ขึ้นไป ในอดีตปรากฏเนือง ๆ ว่าการเสนอให้แก้ไขกฎหมายของข้าราชการระดับล่างถูกสกัดกั้นโดยข้าราชการระดับเหนือ ๆ ขึ้นไป ดังนั้นในการปฏิรูปกฎหมายตาม รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๑ (๓) กระผมจึงขอเสนอให้ แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการบัญญัติใน กฎหมายที่ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายตาม รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐๘ จัดทำเพื่อจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายตาม รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๑ (๓) ให้มีความว่า ในการปฏิรูปกฎหมายตาม รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๑ (๓) การให้ข้อมูลของข้าราชการทุกระดับ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ถือเป็นการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนตาม พรบ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘๓ (๒) "
|