นางน้ำค้าง ปลูกบ้านอยู่บนที่ดินที่มี ส.ค.1 ซึ่งเป็นของนายเปีย ซึ่งนายเปียได้หายสาบสูญไปประมาณ 50-60 ปีแล้ว หลังจากที่นายเปียหายสาบสูญไป นายนาค ซึ่งเป็นน้องชายของนายเปียได้เข้ามาปลูกบ้านอยู่บนที่ดินของนายเปียส่วนหนึ่งและอยู่อย่างเปิดเผยเรื่อยมาจน นายนาค เสียชีวิตลง และนางน้ำต้าง ซึ่งเป็นลูกสาวของนายนาค ก็ได้อาศัยต่อมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมานางน้ำค้างได้ไปขอออกโฉนดในที่ดินแปลงดังกล่าวเฉพาะในส่วนที่ตนได้ครอบครองอยู่ซึ่งมิใช่ทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินตรวจสอบเอกสารพบว่า เมื่อปี 2537 ที่ดินข้างเคียงของนายเปีย ได้ขอออกโฉนด และในตอนนั้น นายพนม ได้มาอ้างสิทธิครอบครองที่ดินของนายเปีย และเป็นผู้ยืนเขตให้ ดังนั้นการขอออกโฉนด ของ นางน้ำค้างในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่ดินจึงต้องให้นายพนมเซ็นยินยอมที่จะให้ นางน้ำค้าง ออกโฉนดโดยที่ดิน ของนายเปีย จะต้องถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ นางน้ำค้างปลูกบ้านพักอาศัย และส่วนที่เหลือ ยังคงให้นายพนมครอบครองต่อไป แต่การเจรจานายพนม ไม่ยอมให้นางน้ำค้าง ออกโฉนด แต่นายพนมจะขอออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นชื่อของตน และจะให้นางน้ำค้างอาศัยอยู่แทน ซึ่งนายพนมอ้างว่าตนได้เสียภาษีที่ดินทุกปี จึงมีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว และจะไม่ยอมแบ่งส่วนใดส่วนหนึ่งให้นางน้ำค้างเด็ดขาด อยากทราบว่าที่ดินส่วนที่นางน้ำค้างปลูกบ้านมาหลายสิบปีนั้น แต่ไม่เคยเสียภาษีที่ดินเลย แต่อยู่อย่างเปิดเผยและอยู่อย่างสงบไม่เคยมีใครมาคัดค้านนั้น นางน้ำค้างมีสิทธิจะขอออกโฉนดหรือไม่ และควรดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งจะได้กรรมสิทธิ์ดังกล่าว นายพนมนั้นเป็นลูกชาย ของนางใส ซึ่งเป็นพี่สาวของนายเปีย รบกวนช่วยตอบคำถามของหนูด้วยนะค่ะ ครอบครัวของหนูตอนนี้เดือดร้อนจริงๆ เพราะว่านายพนมนั้นเขามีฐานะและพวกพ้องที่มากกว่า หนูและครอบครัวกลัวจะไม่มีที่อยู่ค่ะช่วยด้วยนะค่ะ
คุณน่าจะได้สิทธิในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว แต่ถ้าฝ่ายเขายังคัดค้านอยู่ก็คงต้องไปฟ้องร้องกันยังศาล