ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    033083 ยกเลิกสัญญาขายรถยนต์ศิษย์เก่าม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์15 มกราคม 2552

    คำถาม
    ยกเลิกสัญญาขายรถยนต์

         ดิฉันเป็นพนักงานของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี มีความต้องการที่จะซื้อรถยนต์มือ 2 จึงได้เข้าไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต และได้จดชื่อเต้นท์รถที่ถูกใจมา 2- 3 เต้นท์  เมื่อวันที่ 23-12-51 ได้ไปดูรถที่เต้นซ์รถ 123  แถวบางกะปิ ไปกับแฟนของดิฉัน พอไปถึงเต้นท์รถก็ได้ดูและยังไม่ได้ตกลงว่าจะซื้อรถคันนี้เพราะดิฉันรู้สึกไม่ค่อยถูกใจกับคำพูดของคนขายรถที่เต้นท์จึงบอกกับแฟนของดิฉันว่ายังไม่ต้องซื้อ แต่แฟนของดิฉันโดนคนขายคะยั้นคะยอให้ซื้อรถจนแฟนดิฉันใจอ่อนก็ได้ทำสัญญากัน ตอนที่ตกลงกันด้วยวาจา ดิฉันกับแฟนดิฉันถามคนขายว่าถ้าฐานเงินเดือนของดิฉันไม่พอจะคืนเงินให้หรือไม่ คนขายก็บอกว่าจะคืนให้ และได้ตกลงกันว่าจะขายรถให้ดิฉันในราคา 360,000 บาท และให้ดิฉันวางเงินดาวน์เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท และได้ทำเอกสารสัญญาขายรถยนต์และให้สำเนากับดิฉัน ซึ่งในสำเนามีข้อมูลดังนี้ เขียนที่, วันที่เขียน, ชื่อคนขาย, ยี่ห้อ+ป้ายทะเบียนทะเบียนรถ, ชื่อ+ที่อยู่ของดิฉัน, ราคารถที่จะขาย, และได้รับเงินมัดจำจากดิฉันไว้ 20,000 บาท และระบุไว้ในสัญญาว่า"ผู้ซื้อยังคงค้างอีกเป็นเงิน.....(ไม่ลงค่ะ) ผู้ซื้อจะนำเงินมาชำระให้ครบตามจำนวนที่ตกลงภายในวันที่ 24/12/51","หากผู้ซื้อไม่นำเงินมาชำระให้ตามกำหนด ผู้ซื้อยินยอมให้ริบเงินมัดจำ และคืนรถให้ในสภาพเรียบร้อยทุกประการ ตลอดจนคดีทางแพ่งและอาญา" และดิฉันก็ได้ชำระเงินผ่านทางบัตรวีซ่าการ์ด ทางผู้ขายก็ไม่ได้ออกใบเสร็จรับเงินมาให้ดิฉัน ตามที่ตกลงกันว่าให้วางเงินดาวน์ 20,000 และที่เหลืออีก 15,000 บาทให้นำมาให้ในวันที่รับรถ เมื่อทำสัญญากันเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันและบอกว่าวันอาทิตย์ที่ 28-12-51 ข้าพเจ้าจะพาคนค้ำประกันมาเซ็นต์สัญญาค้ำประกันให้กับดิฉัน เมื่อถึงวันอาทิตย์ได้เซ็นต์สัญญากันเรียบร้อยแล้ว ทางไฟแนนซ์บอกว่าจะติดต่อกลับ ทางไฟแนนซ์ได้ติดต่อกลับดิฉันเมื่อวันที่ 30-12-51 และได้สอบถามเกี่ยวกับประวัติ ที่อยู่ ฐานเงินเดือน ของดิฉันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นพอวันที่ 5-1-52 ทางเต้นท์รถโทรมาหาดิฉันบอกกับดิฉันว่า ผู้ค้ำติดต่อไม่ได้ โทรไปแล้วไม่รับ ขอให้ดิฉันหาคนค้ำประกันให้ใหม่ ดิฉันจึงโทรไปหาไฟแนนซ์และถามไฟแนนซ์ว่าเพราะอะไรจึงต้องเปลี่ยนคนค้ำ ไฟแนนซ์ตอบกับดิฉันมาว่าถ้าทางเขาโทรไป 3 ครั้งแล้ว คนค้ำประกันไม่รับสาย หรือติดต่อไม่ได้ก็ให้เปลี่ยนคนค้ำใหม่ใหม่ ดิฉันจึงบอกไปว่าหาคนค้ำให้ไม่ได้แล้ว เพราะต้องการคนที่เงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไป และดิฉันก็ขอเงินที่วางมัดจำคืน ณ ตอนนั้นดิฉันเสียความรู้สึกมาก เพราะคนขายตอบกับดิฉันมาว่าจะไม่คืนเงินให้เพราะได้ให้เงินกับเจ้าของรถไปแล้ว และดิฉันต้องหาคนค้ำมาให้ได้ใน 1 อาทิตย์นี้ ดิฉันจึงไม่รู้จะไปหาคนค้ำที่ไหนมาให้ สุดท้ายได้ไปร้องขอให้ป้าซึ่งเป็นป้าของแฟน เป็นข้าราชการบำนาญมาค้ำประกันให้ในวันที่ 10-01-52 นัดกันที่ หน้า ม.ราชภัฏพระนคร เวลา 09.00 น. ดิฉันก็ไปรอไฟแนนซ์ที่นั้นพอเวลาผ่านไป 09.30 น. ไฟแนนซ์ก็ไม่มาดิฉันก็ได้โทรไปหาก็ไม่รับสาย โทรไปมากกว่า 10 สายก็ไม่มีการตอบรับ ดิฉันจึงส่งเป็นข้อความไปว่ามาถึงแล้ว แล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึง 10.00 น. ดิฉันก็โทรไปที่เต้นท์รถ ทางเต้นท์บอกดิฉันว่าจะโทรติดต่อให้ ก็เงียบหายไป ดิฉันก็โทรไปอีก ทางเต้นท์ก็บอกว่าตอนนี้ทางไฟแนนซ์รถเสีย จะมาถึงดิฉันแล้วแต่รถเสีย ไม่ต้องโทรไปหาเขาอีก แล้วนัดให้พนักงานไฟแนนซ์คนใหม่มาทำเรื่องแทน ในเวลา 12.00 น. ทำให้ดิฉันต้องเสียเวลาไปอีก เมื่อถึงเวลาประมาณ 11.00 น. ไฟแนนซ์คนที่ดิฉันโทรไปแล้วไม่รับสายก็โทรมาขอโทษดิฉัน และบอกว่าเขาลืมตั้งนาฬิกาปลุก เลยตื่นสาย ดิฉันจึงทราบว่าคนขายรถที่เต้นท์ไม่พูดความจริง จนถึงเวลา12.00 น. จึงทำการเซ็นต์สัญญาคนค้ำคนใหม่และแยกย้ายกันกลับ ไฟแนนซ์บอกว่าจะติดต่อกลับมาในวันจันทร์ 12-1-52 เมื่อถึงวันจันทร์ก็ไม่โทรมา จนวันอังคารโทรไปหาป้าของแฟนดิฉันก็ถามถึงประวัติ เงินเดือน ความสัมพันธ์กับดิฉัน จากนั้นเมื่อถึงตอนเย็นของวันที่ 13-1-52 ทางเต้นท์ก็โทรมาบอกดิฉันว่าฐานเงินเดือนของดิฉันไม่พอ และทางไฟแนนซ์ไม่สามารถให้ดิฉันกู้ได้ในวงเงิน 340,000 บาท ให้กู้ได้แค่ 280,000 บาท และให้ดิฉันเพิ่มเงินให้กับทางเต้นท์อีก 60,000 บาท ดิฉันยังไม่ตกลง ดิฉันบอกไปว่าดิฉันไม่มีเงิน มีเงินเฉพาะตามที่ตกลงกันกันไว้เท่านั้น คือ 35,000 บาท ดิฉันจึงขอเงิน 20,000 บาทคืน จากนั้นทางเต้นท์ก็ยื่นข้อเสนอขึ้นมาอีกว่างั้นให้ดิฉันเพิ่มเงินอีก 20,000 บาท หรือ 10,000 บาท ได้ไหม และจะหาไฟแนนซ์ให้กับดิฉันใหม่ และให้เซ็นต์สัญญาใหม่ค่ะ ดิฉันก็ยังตอบตามเดิมทางเต้นท์บอกกับดิฉันว่าจะติดต่อกับเจ้าของรถก่อนและจะโทรแจ้งให้ดิฉันทราบ จนวันนี้ วันที่ 15-01-52 ยังไม่ได้รับการติดต่อกับทางเต้นท์รถเลยค่ะ ดิฉันได้ไปขอคำแนะนำปรึกษาจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทางมูลนิธิแนะนำว่าให้ดิฉันทำเป็นหนังสือขอยกเลิกสัญญา ส่งไปทางไปรษณีย์ และควรมีจดหมายตอบรับของไปรษณีย์ด้วยค่ะ โดยไม่ต้องมีการโทรแจ้งให้ทราบก็ได้ และดิฉันมีเพื่อนที่พอจะมีความรู้ทางกฏหมายมาบ้างเขาก็แนะนำดิฉันว่าให้ไปแจ้งความกับ สน.ลาดพร้าว และนำใบแจ้งความไปขอเงินคืนที่เต้นท์ ถ้าไม่คืนจะดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

    คำถาม                                                                                            1.ดิฉันอยากทราบว่าการที่เต้นท์รถกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นการผิดสัญญาหรือเปล่าค่ะ ดิฉันสามารถดำเนินการตามกฏหมายได้หรือเปล่าค่ะ                         2. ดิฉันจะมีสิทธิ์ได้รับเงินคินไหมค่ะ                                                        3. ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีค่ะ

     

    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

    คำตอบ
    ทำตามที่มูลนิธิผู้บริโภคแนะนำน่าจะดีที่สุด  อนึ่ง การที่ยังไม่ได้ซื้อรถมาน่ะเป็นบุญแล้ว ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นถ้าจะมีก็คงเพียงเท่าที่ได้จ่ายไปแล้ว  แต่ถ้าซื้อมาแล้ว วันข้างหน้าคงมีปัญหาที่จะลุกลามอีกมาก รวมทั้งอาจนำความเดือดร้อนมาสู่ผู้ค้ำประกันด้วย
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    15 มกราคม 2552