เรียน ท่านมีชัย ที่เคารพ
ขอถามอีกสักคำถามค่ะ เมื่อหลายปีก่อน ตอนประมาณซัก ๓ ทุ่ม ในฤดูฝน ดิฉันขับรถกลับบ้าน พอมาถึงหน้าบ้านก็จอดรถอยู่กลางถนน เปิดไฟเลี้ยว เพราะบ้านอยู่อีกฟากหนึ่ง มองเห็นรถจักรยานยนต์ มีผู้ชายขี่ผู้หญิงซ้อนท้าย ขับมาด้วยความเร็ว ยกมือปังฝน ดิฉันก็เห็นเขา ก็ไม่เคลื่อนรถไปใหน รอให้เขาไปก่อน แล้วรถเขาก็เฉล็บล้มลง ตัวคนขับกับรถ ไปข้างหนึ่ง ผู้หญิงซ้อนท้ายกระเด็นเข้ามาอยู่ไต้ท้องรถดิฉัน ดิฉันลงไปดูก็เห็นพาดอยู่กับล้อรถ ดิฉันไปโรงพัก ตำรวจถามว่ามีรถกี่คัน ดิฉันบอกมีคันเดียว ตำรวจถามว่าใช้รถทุกวันรึเปล่า ดิฉันก็บอกว่า ใช้ทุกวัน จากนั้นอีก ๒ วัน ผู้เสียหายก็มาพร้อมด้วยผู้ชายคนหนึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นทนายหรือเปล่า แต่น่าจะรู้กฏหมายเพราะเห็นถือประมวลกฏหมาย มาบอกว่า ถือว่า ซวย นะ เพราะยังไงดิฉัน ก็รถยนต์ ตัวผู้เสียหายรถเล็กกว่า ถ้าให้เป็นเรื่องมากกว่านี้รถดิฉันก็ต้องอยู่โรงพัก เขาก็คงรู้ว่าดิฉันไม่ผิดอะไร ดิฉันเห็นว่า น่าจะดีกว่าเพราะ จะเสียเวลาไปมาก ดิฉันจำไม่ได้ว่าตำรวจตั้งข้อหาอะไร แต่ในทำนองว่าเป็นสาเหตุให้เขาตกใจ ( คือตัวผู้เสียหายคงตกใจที่เห็นดิฉัน เลยเบรคกันทันหัน แล้วเฉล็บ เพราะถนนลื่น แต่จริงๆ แล้ว ดิฉันจอดรออยู่ เขาตกใจเอง ) ความผิดลหุโทษปรับ สองพัน ตำรวจคนนั้นทำทีเป็นถามโน้นถามนี่ แต่ดิฉันเห็นได้จากกระจกที่อยู่ข้างหลังตำรวจ และเห็นเขาส่ง ซิกส์ กัน ผู้เสียหายแบ่งเงินให้ตำรวจหนึ่งพัน ผู้เสียได้ไปหนึ่งพัน แล้วลงบันทึกประจำวัน จนถึงวันนี้ดิฉันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดอะไร ขอถาม สองคำถามค่ะ
๑. กรณีนี้ จะมีผลกับคุณสมบัติของผู้ช่วยผู้พิพากหรือไม่
๒. กรณีคำถามที่ ๐๓๒๘๔๑ แม้ไม่ถึงกับขาดคุณสมบัติไปเลย แต่ถือว่าเป็นเรื่อง
ศีลธรรม ที่ต้องใช้ในการพิจารณา คุณสมบัติ หรือ ไม่
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ถ้าผู้เสียหายมากับชายคนหนึ่งมาหาคุณ แล้วจู่ ๆ ตำรวจโผล่มาได้อย่างไร มีการลงบันทึกประจำวันได้อย่างไร ฟังช้อเท็จจริงที่เล่าแล้ว ชอบกลอยู่ เลยตอบไม่ถูก เอาเป็นว่าถ้าคุณคิดว่าเป็นลหุโทษ ก็คงไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติ ไหน ๆ ก็เรียนกฎหมายถึงขนาดตั้งใจจะเป็นผู้พิพากษาแล้ว อาจต้องหัดเรียงลำดับข้อเท็จจริงให้สมเหตุสมผลหน่อยกระมัง