เรียนท่านอาจารย์มีชัย,
ผมได้สมรสกับภรรยาและจดทะเบียนสมรสกันเมื่อประมาณกลางปี 2551 ที่ผ่านมา ปัจจุบันทั้งผมและภรรยาต่างมีเงินได้ 40(1) ทั้งคู่ แต่ในปีหน้า คือ 2552 ตั้งใจว่าจะให้ภรรยาลาออกจากงาน เพื่อเป็นแม่บ้านเพียงอย่างเดียว แต่มีประเด็นเกี่ยวกับภาษีของผม โดยแยกเป็น 2 ประเด็นดังนี้ครับ
1. ค่าลดหย่อนดอกเบี้ย กู้ยืมเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัย
ภรรยาผมมีชื่อเป็นผู้กู้ซื้อบ้านกับทาง ธอส.เพียงคนเดียวตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ในปีหน้า เธอจะออกจากงาน และความเป็นสามีภรรยาก็มีตลอดปีภาษี ไม่ทราบว่าปีภาษี 2552 ผมจะนำดอกเบี้ยเงินกู้ตรงนี้มาลดหย่อนภาษีของผมได้หรือไม่ แบ่งเป็น 2 กรณีคือทั้งกรณีที่แยกยื่นหรือยื่นรวมกัน เพราะกะว่าภรรยาจะทำงานถึงสิ้นเดือน ม.ค. 52 ทำให้ยังสามารถแยกยื่นได้อยู่เพราะยังมีรายได้ในปีภาษี 2552 ถ้าการแยกยื่นจะทำให้เสียภาษีน้อยกว่า คือถ้ายื่นรวมกัน ผมจะนำดอกเบี้ยเงินกู้ของภรรยามาลดหย่อนภาษีในนามของผมทั้งหมดได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้หรือถ้าแยกกันยื่น จะสามารถแบ่งกันคนละครึ่งได้หรือไม่ เนื่องจากเคยอ่านเจอว่า ต้องแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างสามี/ภรรยา แม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้กู้ก็ตาม และแม้จะเป็นการกู้ก่อนสมรส... เพราะยังไง ก็ยังดีกว่าผมลดหย่อนไม่ได้เลย คำถามสุดท้ายคือ ถ้าการยื่นรวมกันและผมนำมาลดหย่อนไม่ได้ ตั้งแต่ปีภาษี 2553 ผมจะทำอย่างไรดี จะ Refinance ไปธนาคารอื่นที่ดอกเบี้ยถูกกว่า เพื่อเปลี่ยนเป็นชื่อผมกู้คนเดียว หรือกู้ร่วมกันจะดีไหม แต่ถ้าทำช่วงนี้ยังเสียค่าปรับเยอะอยู่ดี เกรงว่าต้องรอให้พ้น Fix rate ก่อน ถึงจะคุ้มกว่าเงินภาษีที่ประหยัดได้ ไม่ทราบว่าเป็นสามีภรรยากันสามารถทำนิติกรรมดังกล่าวได้หรือไม่ครับ
2. ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต
ต่อเนื่องจากกรณีด้านบน ภรรยาผมทำประกันชีวิตไว้หลายตัว เสียเบี้ยประกันปีละ 6-7 หมื่นบาท อยากทราบว่า มีวิธีไหน ที่ผมสามารถนำเงินตรงนี้มาลดหย่อนได้หรือไม่ เพราะในความเป็นจริงตั้งแต่ปีหน้าคือ 2552 ผมจะเป็นผู้จ่ายให้เธอทั้งหมด โดยที่ส่วนตัวผมยังไม่มีกรมธรรม์ใดๆ เลย ผมคุ้นๆ ว่า สำหรับคู่สมรสของผู้มีเงินได้ที่ความเป็นสามีภรรยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี และเป็นผู้ไม่มีเงินได้ ให้หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ และถ้าเธอมีเงินได้ 1 เดือนเหมือนที่บอก แต่ยื่นรวมกัน จะยังลดหย่อน 10,000 บาทนี้ได้หรือไม่
ขอบคุณมากครับ
เอกสิทธิ์