เรียน อาจารย์มีชัย
สามีดิฉันขับรถชนตั้งแตปี2534บริษัทประกันฟ้องเรียกค่าเสียหาย ขึ้นศาลแล้วหลายศาส ใช้เวลาหลายปี สุดท้ายศาลมีคำสั่งให้ฃดใฃ้เงิน 20000 บาท แต่สามีต่อรองว่าจะใช้ให้ 10000 บาท เรื่องราวผ่านมาหลายปี แต่ยังไม่ได้ใช้หนี้ ดิฉันไม่ค่อยทราบเรื่องเท่าไร ต่อมาเมื่อปี2548 ดิฉันซื้อบ้านทาวเฮาว์ใช้ชื่อก้ร่วมกับสามี ผ่อนไปได้ประมาณ 3ปี กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อต้นเดือน พย.51 ดิฉันได้รับหนังสือจากศาลแจ้งว่าศาลได้ยึดทรัพย์บ้านหลังดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่าสามีดิฉันเป็นจำเลย (โดยก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือว่าสามีเป็นหนี้บริษัทประกันอยู่50000บาท ) ได้โทรไปถามเจ้าหน้าที่ที่มีชื่อท้ายหนังสือก็บอกไม่ทราบเพราะเนผ่านมาตามลำดั ขอเรียนถามว่า
1.ทรัพย์นี้ดิฉันยังมีกรรมสิทธิ์อยู่หรือไม่ ดิฉันต้องผ่อนธนาคารตามปกติหรือไม 2 ถ้าสามีจะทำหนังสือยินยอมยกหรรมสิทธิ์ให้ดิฉันคนเดียวได้หรือไม่โดยที่สามียินดีผ่อนตามปกติ(หักเงินเดือนอัตโนมัติ 3ดิฉันจะทำย่างไรดีเพราะทรัพย์มีราคาประเมิน1ล้านบาท เป็นหนี้แค่ 20000 บาทแต่บริษัทอ้างว่า50000บาทซึ่งหลักฐานคำสั่งศาลไม่ได้เก็บไว้
ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
เรียน คุณชลาชล
1. ตราบใดที่เจ้าหน้าที่เขายังไม่ได้ขายทอดตลาดให้คนอื่น ทรัพย์นั้นก็ยังเป็นของคุณอยู่ และไม่ว่าเขาจะยึดไปขายแล้วหรือไม่ หนี้ที่คุณกู้มาก็ยังเป็นหนี้ของคุณที่จะต้องชำระอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมด การที่ศาลตัดสินให้ชำระหนี้ 20,000 แล้วสามีคุณเพิกเฉยเสีย โดยนึกเอาเองว่าใครจะมาทำอะไรได้นั้น ผลก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ คือเจ้าหนี้เขาก็มาตามมายึดทรัพย์เอาไปขายได้ สิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ว่าจะโอนทรัพย์มาเป็นของคุณคนเดียวนั้น อย่าทำเลย เพราะพอดีพอร้าย อาจกลายเป็นความผิดอาญาขึ้นได้ คราวนี้แทนที่จะต้องชำระหนี้ที่มีอยู่เดิมแล้ว ยังอาจต้องติดคุกด้วย ทางที่ดีควรไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ศาลเพื่อดูให้รู้แน่ว่ามีหนี้อยู่เท่าใดกันแน่ แล้วหาทางชำระหนี้เขาเสีย อย่าไปคิดเอาเองว่า ไม่ชำระเสียอย่างใครจะทำอะไรได้