อาจารย์คะหนูมีความรู้สึกดีใจคะที่ทีมงานของอาจารย์ได้ตอบคำถามที่หนูตั้งไปคะแต่คำถามอันนั้นไม่ละเอียดหรอกคะ เรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่าเมื่อปี38หนูได้นำเงินจำนวนเกือบสองแสนไปถ่ายโฉนดที่ดินแปลงนี้มาเพราะสงสารพ่อแม่ พี่น้องจะไม่มีที่อยู่ ที่ดินแปลงนี้พี่สาวเขาได้รับโอนมาจาก ยายซึ่งยายเขายกที่แปลงนี้ให้พี่สาวกับลุง(ลูกของยาย)พอถ่ายมาพี่สาวก็โอนให้หนูคะ(ส่วนของเขาของลุงคงเดิม)โดยในขณะนั้นมีบ้านปลูกอยู่ก่อนแล้ว(บ้านเป็นของพ่อ แม่)อยู่มาลุงเสียชีวิตแม่รับมรดกลุงแล้วโอนให้หนูอีกเพราะตอนนั้นแม่เป็นมะเร็งแล้วหนูดูแลเขาคะตอนอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวขยายแบบคนไทยก็ดีแต่พอเขาเสียชีวิตหมดความวุ่นวายก็เกิดความอยากได้ของเขยบ้างสะใภ้บ้างพวกเขาเริ่มทำในสิ่งที่ไม่ควรการเข้าใจผิดเกิดขึ้นในเรื่องที่หนูรับไม่ได้และเขาจ้างทนายมาฟ้องร้องหนูว่าหนูเนรคุณขอคืนที่ดินที่ยกให้คืน(ตอนที่ยกให้ที่ดินระบุว่ายกให้ด้วยความเสน่หาไม่มีค่าตอบแทนระหว่างพี่กับน้อง)หนูสู้คะเพราะคนที่เรานำเงินไปถ่ายถอนมาแกจะไปเป็นพยานให้แต่พอจะสืบพยานเข้าจริงๆเขาถอนฟ้องและบันทึกที่ศาลว่าจะไม่เรียกคืนอีก แล้วหนูก็ฟ้องขับไล่พวกต่อ(แต่แรกที่ถ่ายถอนมาหนูก็ปลูกบ้านแยกออกไปจากบ้านพ่อ แม่อีกและอยู่ตลอดจนปัจจุบัน)ตอนแรกพวกเขาสู้ว่าพวกเขาอยู่นอกโฉนดศาลสั่งรังวัดผลออกมาบ้านทั้ง5หลังอยู่ในโฉนดพวกเขาขอวัดตั้ง 3 ครั้งคะเพราะจริงๆเนื้อที่ในโฉนดมี แค่ 2 ไร่  2งาน แต่วัดออกมาได้ 3 ไร่ 2 งานแต่ช่างรังวัดบอกว่าเป็นเพราะโฉนดของหนูเป็นโฉนดตั้งแต่สมัย ร.5 ตอนนั้นเขาทำแผนที่แบบประมาณเอา พอสู้แบบนอกโฉนดไม่ได้ก็ขอเปลี่ยนทนายมาเปลี่ยนเป็นแบบครอบครองปรปักษ์ครึ่งหนึ่งต้องย้ายมาที่ศาลแขวงเพราะมูลค่าทรัพย์ไม่เกิน 300000 บาทตอนนี้หนูรอสืบพยานคะ อาจารย์คะหนูเกิดความกังวลในทุกๆเรื่องคะว่าถ้าเขาสู้แบบนี้แล้วหนูจะต้องสู้แบบไหน ในบ้านทั้ง 5 หลังมีบ้านที่ปลูกเกิน 10 ปีอยู่ 1-2 หลัง เพราะเป็นบ้านที่พ่อ แม่ปลูกขึ้นมาก่อนแล้วหนูก็อาศัยอยู่ด้วยก่อนที่จะ"ด้รับโอนและแยกบ้านออกมาปลูกอีก หนูขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำและแนวทางสู้ให้หนูด้วยคะ

การตอบคำถามในคอลัมน์นี้ไม่มีทีมงาน  มีคนตอบอยู่คนเดียวแหละ ดังนั้นเมื่อถามและตอบแล้ว ย้อนกลับมาถามอีก คนตอบจะจำไม่ได้ว่าเรื่องเดิมเป็นอย่างไร เพราะแต่ละวันตอบคำถามมากมาย