เรียน อาจารย์มีชัย
ดิฉันมีที่ดินซึ่งเป็นมรดกมาจากคุณแม่ และคุณแม่ได้เสียไปแล้ว บนที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านชั้นเดียว 1 หลังติดมาด้วย แต่ในโฉนดที่ดินไม่มีการแจ้งว่ามีสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอยู่บนที่ดินนี้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณตาและมีชื่อคุณตาเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน โดยบ้านหลังนี้คุณตาเป็นคนออกเงิน ให้คุณลุงเป็นคนสร้างแต่สร้างไม่เรียบร้อย คุณพ่อและคุณแม่ของดิฉันจึงเป็นผู้ต่อเติมสร้างให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อให้สามารถอยู่อาศัยได้ ปัจจุบันคุณตาย้ายไปอยู่กับคุณลุง บ้านไม่มีใครอยู่ คุณลุงให้คนมาเช่าบ้านหลังนี้ โดยดิฉันไม่ได้รับรู้ ดิฉันเกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากในภายหลัง จึงอยากเรียนปรึกษาอาจารย์มีชัยว่า
ใครมีสิทธิที่จะยินยอมที่จะให้เช่าบ้านหลังนั้นได้คะเจ้าของบ้านมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านนั้นๆ หรือ ดิฉันซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่มีบ้านนั้นปลูกสร้างอยู่คะ
ดิฉันเป็นกังวลมาก เพราะตั้งแต่คุณแม่เสียไป ก็มีเรื่องกับคุณลุงเรื่องที่ดินเรื่อยมา โดยที่ดินนั้นมีประมาณ 25 ไร่ แต่เป็นนส.3ก แค่ 5 ไร่ นอกนั้นเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ เมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว คุณลุงได้ขายที่ดินในส่วนของคุณลุงให้แม่ของดิฉันเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร คุณแม่เขียนบันทึกในสมุดไว้แค่ให้เงินคุณลุงเป็นจำนวน6000 บาท ภายหลังคุณแม่เสีย คุณลุงอ้างสิทธิว่าเคยทำกินในที่ดินนั้นและสิทธิความเป็นลูกของคุณตา เขายึดพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ไปหมด ดิฉันไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร จึงยอมเงียบๆไป แต่ช่วงหลังๆมานี้ คุณลุงพยายามเข้ามามีส่วนในบ้านที่อยู่ในที่ดินของดิฉัน งัดบ้านเข้าไปเอาข้าวของที่ดิฉันซื้อไว้ให้คุณตาใช้ เอาไปไว้บ้านของตน โดยอ้างว่าเป็นลูกมีสิทธิใช้ของพ่อ ดิฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็มีความกังวลว่า ในอนาคตอาจมีเรื่องอื่นๆตามมาอีกมาก
ดิฉันจึงอยากถามเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า เรื่องบ้านหลังนี้ หากคุณตาเสียชีวิตไปแล้ว ดิฉันสามารถทุบท้องได้หรือไม่ หากไม่ได้ ดิฉันควรแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่คุณลุงจะถือสิทธิเข้าครอบครองบ้านบ้านหลังนี้คะ ขอแสดงความนับถือ
น้อง
โดยปกติบ้านนั้นย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน เมื่อคุณเป็นเจ้าของที่ดินก็ย่อมเป็นเจ้าของบ้านนั้นด้วย เว้นแต่ในกรณีที่คนอื่นเขามีสิทธิปลูกบ้านบนที่ดินนั้น เช่น เช่าที่ปลูกบ้าน หรือเจ้าของที่ดืนยินยอมให้ปลูกอยู่ การจะวินิจฉัยว่าบ้านเป็นของใคร คงต้องดูหลักฐานต่าง ๆ และความตกลงที่มีอยู่ระหว่างกัน ทางที่ดีจึงควรไปปรึกษาทนายความ นำหลักฐานไปให้เขาดู เพื่อเขาจะได้แนะนำได้ หากเป็นของคุณ ๆ จะได้คุ้มครองบ้านนั้นต่อไปได้