ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    032435 การอยู่กินกันฉันสามีภรรยาบลูมูน8 ธันวาคม 2551

    คำถาม
    การอยู่กินกันฉันสามีภรรยา

    สวัสดีค่ะ อาจารย์

    บลูมูนมีคำถามจะถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    1. ในทางกฏหมายพิจารณาสินสมรส  และสินก่อนสมรส  โดยยึดจากการจดทะเบียนสมรสใช่หรือไม่ค่ะ  และถ้าสามีภรรยามิได้จดทะเบียนสมรสกัน  แต่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแล้ว(กรณีมีทายาทและไม่มีทายาท)  ทางกฏหมายมีหลักเกณฑ์การพิจารณาสินสมรส  และสินก่อนสมรสอย่างไร  และกฏหมายมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเรื่องมรดกในกรณีนี้อย่างไร  ในเมื่อมีรายจ่ายจากการซื้อสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน  แต่ชื่อและกรรมสิทธิ์ในการครอบครองนั้นเป็นของผู้ใดผู้หนึ่งมิได้ร่วมกันเป็นผู้ครอบครองและถือกรรมสิทธ์

    2. การจดทะเบียนสมรสกันระหว่างฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายโดยถูกต้องตามกฏหมาย  สามีมีงานทำและมีรายได้ประจำ  ฝ่ายภรรยาไม่ได้ทำงานประจำ  แต่มีรายได้จากการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ต่อมามีการซื้อรถยนต์เป็นชื่อฝ่ายชาย  (ตามที่บลูมูนเข้าใจ  รถยนต์คันนี้เป็นสินสมรสใช่หรือไม่ค่ะ)  และเมื่อผ่อนค่างวดรถจนครบกำหนด  หลังจากนั้นไม่นานได้มีการจดทะเบียนหย่ากัน  ฝ่ายชายได้นำรถยนต์ไปเทิร์นซื้อคันใหม่มา  ในระหว่างที่ผ่อนค่างวดอยู่นั้น  ฝ่ายชายได้ทำการสมรสใหม่  รถยนต์คันที่ฝ่ายชายซื้อใหม่นั้นเป็นสินสมรสหรือไม่

    3. ต่อเนื่องจากข้อ 2. ค่ะ  การจดทะเบียนหย่ากันฝ่ายชายได้ยืนยันต่อเจ้าหน้าที่เขตว่าไม่มีสินสมรส  โดยฝ่ายหญิงไม่เต็มใจ  แต่ไม่อาจคัดค้านได้เนื่องจากการถูกขู่บังคับ  เมื่อเวลาผ่านไป7-8 ปี  ฝ่ายหญิงสามารถฟ้องร้องเรียกสินสมรสได้หรือไม่  และต้องดำเนินการอย่างไรในการฟ้องร้องเรียกสินสมรสดังกล่าว  รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องเท่าไหร่คะ

    4. กรณีบ้านและที่ดินของสามีภรรยาในข้อ 2.-3. ข้างต้น  ได้ทำการซื้อในระหว่างสมรสเป็นชื่อฝ่ายชาย  ภายหลังจดทะเบียนหย่ากัน(บ้านยังผ่อนไม่หมด)  และฝ่ายชายได้ไล่ฝ่ายหญิงให้ไปอยู่ที่อื่น  บ้านดังกล่าวถือเป็นสินสมรสด้วยหรือไม่  และฝ่ายหญิงมีภาระผูกพันธ์ในหนี้สินของบ้านดังกล่าวหรือไม่อย่างไรคะขออาจารย์ชี้แจงด้วยค่ะ  ต่อมาฝ่ายชายได้นำบ้านและที่ดินเข้าธนาคารเพื่อรีไฟแนนซ์  ก่อนที่จะจดทะเบียนสมรสกับคนใหม่  และในระหว่างที่ฝ่ายชายได้สมรสกับคนใหม่  ก็ได้นำบ้านและที่ดินไปรีไฟแนนซ์อีกครั้ง  บลูมูนอยากทราบว่าบ้านหลังนี้ถือเป็นสินสมรสของฝ่ายชายกับภรรยาเก่า  หรือเป็นสินสมรสของฝ่ายชายกับภรรยาใหม่  หรือว่าเป็นสินส่วนตัวของฝ่ายชายคะ

    5. การทำประกันชีวิตให้กับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการแล้วนั้นสามารถทำได้หรือไม่  และจะมีผลอะไรที่จะทำให้กรมธรรม์เป็นโมฆะหรือไม่  เมื่อข้าราชการผู้นั้นถึงแก่กรรม  และสิทธิ์ในผู้รับผลประโยชน์  จะตกเป็นของผู้ที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรร์ใช่หรือไม่  ทางราชการไม่มีสิทธิ์ในการจัดแจงเรื่องนี้ใช่หรือไม่

                                    บลูมูนขอรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ขอบคุณมากๆ นะคะ

    คำตอบ

    เรียน บลูมูน

    1. สินส่วนตัว หรือสินสมรส จะเกิดมีขึ้นก็ต่อเมื่อชายหญิงสมรสกัน คำว่า สมรส ในที่นี้ หมายถึง การจดทะเบียนสมรส ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส สภาพความเป็นสามีภริยาก็ไม่เกิดขึ้น ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันนั้น ถ้าร่วมกันทำมาหากินได้ทรัพย์อะไรมาก็เป็นเหมือนหุ้นส่วนกัน

    2. รถคันเดิมเป็นสินสมรสของภรรยาเดิม  ถ้าหย่ากันแล้วและเขาไปสมรสกับคนใหม่ รถที่ซื้อใหม่ในระหว่างนั้นก็เป็นสินสมรสของเขากับภรรยาใหม่

    3. เมื่อไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีสินสมรสเสียแล้ว ก็ยากที่จะไปดำเนินการอะไรได้  และถ้ามีแต่รถที่เขาขายไปแล้วอย่างที่เล่ามา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีก็อาจมากกว่าค่ารถที่จะพึงเรียกได้

    4. บ้านนั้นเฉพาะในส่วนราคาที่มีอยู่ก่อนหย่า เป็นสินสมรส ของภรรยาเก่า

    5. ไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้การประกันชีวิตนั้นเป็นโมฆะ  และเขาระบุไว้ให้ใครคนนั้นก็มีสิทธิได้รับ


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    8 ธันวาคม 2551