ฟ้องขับไล่แต่โดนฟ้องแย้งให้โอนกรรมสิทธิ์
เรียนถามท่านมีชัยค่ะ
ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยสอบถามเรื่องบ้านและที่ดินและการฟ้องขับไล่ ซึ่งท่านได้กรุณาตอบคำถามแล้วนั้น ตอนนี้ดิฉันมี่คำถามเพิ่มเติมเนื่องจากทางฝ่ายสามีได้ฟ้องแย้งมาในการยื่นคำให้การดังนี้ค่ะ ..
สามีได้มาปลูกบ้านในที่ดินของคุณแม่ แต่ต่อมาสามีมีหญิงอื่นและได้ออกจากบ้านไป คุณแม่ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ฟ้องขับไล่ให้สามีมารื้อบ้านออกไปจากที่ดินและทำให้ที่ดินกลับสู่สภาพเดิม ตอนแรกทนายฝ่ายสามีขอเจรจาซื้อขายที่ดินซึ่งคุณแม่ไม่ยอมขาย หลังจากนั้นเขาได้ยื่นคำให้การว่า คุณแม่ได้แสดงเจตนายกที่ดินให้เขาและดิแนโดยมีเงื่อนไขว่า
1. ให้เขาจัดงานแต่งงานตามประเพณี 2. ให้เขาปลูกเรือนหอ
เขาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว แต่แม่ใช้สิทธิขับไล่โดยไม่สุจริต เขาจึงร้องขอต่อศาลให้คุณแม่โอนกรรมสิทธิที่ดินให้เขาและดิฉันมีกรรมสิทธิ์รวมคนละครึ่ง ส่วนบ้านที่เขาได้ปลูกสร้างไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดิน ดิฉันจึงไม่มีกรรมสิทธิร่วม
และในระหว่างที่คุณแม่ยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เขา เขาเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนเดือนบะ 5000 บาท
และหากศาลพิพากษาให้เขารื้อบ้านออกไป เขาเรียกให้คุณแม่ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการปลูกบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ 1,000,000 บาท และค่าที่เขาทำให้ที่ดินเพิ่มขึ้นจากการมีบ้าน (ประเมิณที่ดินเปล่า 80 ตารางวา เป็นเงิน 600,000 บาท เมื่อปลูกบ้านทำให้บ้านและที่ดินมีราคาเพิ่มเป็น 3,500,000 บาท ค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นคือ 1,900,000 บาท) รวมเป็น 2,900,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
ดิฉันมีข้อข้องใจว่า การที่คุณแม่ไม่เคยแสดงเจตนาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะยกที่ดินให้เขาและดิฉันและไม่เคยแสดงเจตนาใดๆที่จะยกที่ดินให้ เค้าจะสามารถสร้างพยานบุคคลมายืนยันได้หรือไม่คะ เพราะเห็นบัญชีพยานมี 21 อันดับเป็นญาติพี่น้องซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินหรือบ้านหลังนี้เลย คุณแม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามฉโนด การที่คุณแม่เคยอนุญาตให้สร้างบ้านและได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้รื้ออกไปภายหลัง มีผลทำให้คุณแม่ต้องจ่ายเงินอีก 2,900,000 ตามที่เขาเรียกมาได้หรือคะ
ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ |