เป็นคดีความที่เกิดขึ้นมามานานเป็นปีแล้ว มีเหตุการณ์อยู่ว่า
มีน้องผู้หญิงคนนึ่ง เขาทำงานอยู่ในอำเภอกาญจนดิษฐ์ เคยซื้อรถมอร์เตอร์ไซ ที่ร้าน ในอำเภอเมืองสุราษฏร์
ในวันและเวลาที่เกิดเหตุ มีพยานยืนยันว่าน้องผู้หญญิง ทำงานอยู่ที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ แต่มีผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเจ้าของบ้านเช่าในอำเภอเมืองสุราษฎร์ ไปแจ้งความที่สภ.เมืองสุราษฎร์ว่าเจ้าของรถมอร์เตอร์ไซ ทะเบียน (...) (เป็นทะเบียนชั่วคราว ) ไปสอบถามหาบ้านเช่า แล้วขโมยโทรศัพท์ ของเจ้าของบ้านไป ซึ่งเจ้าของบ้านจำทะเบียน (...) ดังกล่าวได้ จึงได้โทรไปสอบถามที่ร้านขายมอร์เตอร์ไซ ว่ารถทะเบียน(...) เจ้าของชื่ออะไร พนักงานที่ร้านก็บอกเป็นชื่อของน้องผู้หญิงคนนั้น แต่ ณ เวลานั้น รถของน้องผู้หญิงคนนั้นได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนที่ถูกต้องแล้ว แต่ทางร้านยังแจ้งไปว่าเป็นชื่อของน้องผู้หญิงคนนั้น (ทางร้านมีความผิดหรือไม่ที่แจ้งข้อมูลของลูกค้ากับใครก็ไม่ทราบที่โทรมาถาม) จากนั้น เขาก็เรียกตัวน้องผู้หญิงคนนั้นไปสอบสวน พร้อมสอบถามพยานทั้งสองฝ่าย พยานฝ่ายน้องผู้หญิงคนนั้น ยืนยันว่า ณ เวลานั้นน้องเขาอยู่ที่นี่จริงไม่ได้ไปยังสถานที่เกิดเหตุเลย รวมทั้งพยานทางฝ่ายผู้เสียหาย ให้การณ์ว่าไม่ใช่น้องผู้หญิงคนนี้ที่เข้าไปสอบถามเรื่องบ้านเช่า แต่เจ้าของบ้านกลับยืนยันแบบหน้าด้านว่าเป็นน้องผู้หญิงคนนี้ จากนั้นตำรวจเจ้าของคดีก็เงียบ น้องผู้หญิงเคยโทรและเข้าไปสอบถามความต่อ ก็ไม่เคยได้เจอไม่ว่างมาตลอด เรื่องก็เงียบไป ด้วยความที่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำ เขาก็เฉย ไม่กลัวแม้แต่น้อย แต่ในที่สุดในวันขึ้นศาล ศาลกลับตัดสินว่าน้องผู้หญิงคนนี้ เป็นคนขโมยโทรศัพท์ ของเขาไป ณ ขณะนี้อยู่ในช่วงประกันตัว และรอหมายเรียกอยู่ ด้วยความเคารพ สงสารน้องผู้หญิงคนนี้มาก แต่ไม่ทราบว่าจะช่วยเขาอย่างไร นอกจากจะต้องรอ แล้วถ้าสมมุติศาลตัดสินให้เขาผิด เขาจะต้องจำคุกหรือเปล่าค่ะ จำคุกกี่ปี มีวิธีแก้ไข หรือทำอะไรอย่างอื่นนอกจากรอด้วยใจที่กลัวและเจ็บปวดกับความไม่เป็นธรรมเลยมั๊ยค่ะ