ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    032160 การรับมรดกคนสูญเสีย22 พฤศจิกายน 2551

    คำถาม
    การรับมรดก

    สวัสดีค่ะ

    อยากจะขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับการรับมรดกค่ะ ต้องขอเล่าเกรินยาวนะคะเพราะเรื่องซับซ้อนมากค่ะ

    ตอนนี้มีปัญหาในเรื่องของมรดกค่ะ เพราะว่าแม่ของดิฉันได้อยู่กินกับพ่อเลี้ยงซื่งขอเรียกว่า "ครู" นะคะ และอยู่กินกันมา 13 ปีแต่ไม่ได้จดทะเบียนกัน และในปี 2550 แม่ของดิฉันได้เสียชีวิตลง แต่ทุกอย่างดิฉันได้ให้ดำเนินไปอย่างเดิมเหมือนในขณะที่แม่ดิฉันยังมีชิวิอยู่ จนเมื่อ ต้นเดือน พฤศจิกายน ครูได้เสียชีวิตลง จึงมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินค่ะ เพราะว่าแม่กับครูอยู่ด้วยกันได้ทำกิจการเหมืองแร่ค่ะ ซึ่งการก่อตั้งเหมืองแร่เป็นเงินจากทางแม่แต่เพียงผู้เดียวซึ่งได้จากการขายบ้านที่ซอยอารีย์และเงินส่วนตัวของแม่ทั้งหมด และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม่ก็เป็นผู้บริหารเงิน (ซึ่งเป็นที่รับรู้ของคนโดยทั่วไปค่ะ ว่าแม่เป็นเจ้าของเงินที่นำมาก่อตั้งและใช้จ่าย) และโดยที่แม่คิดว่า ชื่อของกิจการให้ใช้ชื่อของครู แต่ทะเบียนบ้านแม่เป็นชื่อเจ้าบ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ชายเป็นเจ้าบ้านอยู่ค่ะ ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ก็อยู่กันเป็นปกติดีค่ะ โดยมีแม่และครูรวมถึงลูกๆ ของแม่ ส่วนครูก็มีลูกแต่ไม่เคยติดต่อ หรือเปิดเผยเลย โดยพูดบ่อยๆ ว่าครูก็มีลูกอยู่เท่านี้แหละ หมายถึงพวกดิฉันเอง ดิฉันเองทราบว่าครูมีลูกค่ะ แต่ไม่เคยพบเจอ บางครั้งครูก็พูดว่า ลูกไม่เคยมาดูแลเลย ถามไถ่เลย ซึ่งถึงแม้ว่าแม่ตายแล้ว ดิฉันก็ดูแลครูอย่างเช่นเคย จนก่อนครูมาเสียชีวิต2 เดือนได้ติดต่อลูกแท้ของครู เพื่อขอย้ายทระเบียนบ้านมาอยู่ที่บ้านลูก เพราะต้องการใช้บัตร 30 บาทและได้ใช้สิทธิที่ ร.พ.ศิริราช เนื่องจากครูเป็นมะเร็ง แต่ว่าครูก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านลูกแต่อาศัยอยู่ที่บ้านลูกน้องนักดนตรีที่ทางบ้านดิฉันเคยจ้างร้องเพลง (เมื่อก่อนบ้านดิฉันทำวงดนตรีด้วยค่ะ และดูแลนักร้องและนักดนตรีด้วยค่ะ) เพราะครูชอบดนตรีมาก เลยบอกว่าอยากอยากอยู่กับเพื่อนๆ นักดนตรีและในที่สุดครูก็เสียชีวิตลง ทำให้ดิฉันได้พบกับลูกแท้ๆ ของครูเป็นครั้งแรก แต่ในขณะนี้ลูกของครูแท้จะขอใช้สิทธิในการรับมรดก

    อ้อ ครูยังไม่ได้ทำพินัยกรรมเลยค่ะ แต่ครูเคยพูดกับคนทั่วๆ ไปว่า เหมืองนี้ต่อไปก็ให้ดิฉันเป็นคนทำต่อ แต่ว่ายังไม่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรค่ะ ซึ่งบุคคลใกล้ชิดหลายคนก็รับรู้ค่ะ

     

     ดิฉันขอเรียนถามว่า 1. จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ ที่ทางดิฉันจะได้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียวค่ะ เพราะ ทางดิฉันรู้สึกว่ากิจการเริ่มต้นได้มาจากทางบ้านดิฉันฝ่ายเดียว จะให้ลูกทางโน้นก็รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ เพราะทางบ้านดิฉันเป็นคนดำเนินการทุกอย่างเพียงฝ่ายเดียว

    2.หากมีการฟ้องร้องกันทางดิฉันจะเป็นอย่างไรค่ะ เพราะทางโน้นเค้าขอใช้สิทธิในการเป็นลูกของครู

    3.ถ้าฟ้องร้องกันโดยการให้ตัดสินว่าเหมืองเป็นของแม่และตกทอดมาถึงลูก ซึ่งคือพวกดิฉันจะทำได้ไหมค่ะ เพราะตลอดเวลาครูมักจะพูดว่าครูไม่มีลูกและตัดพ่อตัดลูกหมดแล้ว และที่สำคัญเงินทุกบาทก็มาจากทางแม่ดิฉัน แต่พอมาถึงตอนนี้กลับรู้สึกว่า เหมืองกำลังจะตกเป็นของคนอื่น ซึ่งไม่เคยได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการนี้เลย และทางดิฉันเองก็ไม่ได้อะไรเลย

    4.หรือท่านมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมค่ะ และต้องทำอย่างไรให้สูญเสียน้อยที่สุด

    คำตอบ

    1. การที่คุณจะได้มรดกแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่ากิจการนั้นเป็นของแม่คุณคนเดียวหรือไม่ ซึ่งถ้าฟังตามที่เล่ามาก็อาจเป็นได้ว่า แม่กับครูได้ช่วยเหลือดูแลกันมา ดังนั้นแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ก็อาจถือได้ว่าเป็นหุ้นส่วนที่ทำมาหากินด้วยกัน เมื่อทั้งสองคนตาย ทรัพย์สินนั้นก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนของแม่คุณ ๆ ก็ได้ไปคนเดียว ส่วนของครู ลูกเขาก็ได้ไปคนเดียว

    2. ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถนำสืบได้หรือไม่ว่ากิจการนั้นเป็นการ่วมกันทำมาหากินของทั้งสองคน ถ้านำสืบไม่ได้ และคุณนำสืบได้ว่าเป็นกิจการของแม่คุณคนเดียว คุณก็ได้ไปคนเดียว

    3. ไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไร คุณก็ต้องได้มาครึ่งหนึ่ง

    4. ควรหาทนายความให้ช่วยดำเนินการให้


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    22 พฤศจิกายน 2551