การรับมรดก
สวัสดีค่ะ
อยากจะขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับการรับมรดกค่ะ ต้องขอเล่าเกรินยาวนะคะเพราะเรื่องซับซ้อนมากค่ะ
ตอนนี้มีปัญหาในเรื่องของมรดกค่ะ เพราะว่าแม่ของดิฉันได้อยู่กินกับพ่อเลี้ยงซื่งขอเรียกว่า "ครู" นะคะ และอยู่กินกันมา 13 ปีแต่ไม่ได้จดทะเบียนกัน และในปี 2550 แม่ของดิฉันได้เสียชีวิตลง แต่ทุกอย่างดิฉันได้ให้ดำเนินไปอย่างเดิมเหมือนในขณะที่แม่ดิฉันยังมีชิวิอยู่ จนเมื่อ ต้นเดือน พฤศจิกายน ครูได้เสียชีวิตลง จึงมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินค่ะ เพราะว่าแม่กับครูอยู่ด้วยกันได้ทำกิจการเหมืองแร่ค่ะ ซึ่งการก่อตั้งเหมืองแร่เป็นเงินจากทางแม่แต่เพียงผู้เดียวซึ่งได้จากการขายบ้านที่ซอยอารีย์และเงินส่วนตัวของแม่ทั้งหมด และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม่ก็เป็นผู้บริหารเงิน (ซึ่งเป็นที่รับรู้ของคนโดยทั่วไปค่ะ ว่าแม่เป็นเจ้าของเงินที่นำมาก่อตั้งและใช้จ่าย) และโดยที่แม่คิดว่า ชื่อของกิจการให้ใช้ชื่อของครู แต่ทะเบียนบ้านแม่เป็นชื่อเจ้าบ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ชายเป็นเจ้าบ้านอยู่ค่ะ ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ก็อยู่กันเป็นปกติดีค่ะ โดยมีแม่และครูรวมถึงลูกๆ ของแม่ ส่วนครูก็มีลูกแต่ไม่เคยติดต่อ หรือเปิดเผยเลย โดยพูดบ่อยๆ ว่าครูก็มีลูกอยู่เท่านี้แหละ หมายถึงพวกดิฉันเอง ดิฉันเองทราบว่าครูมีลูกค่ะ แต่ไม่เคยพบเจอ บางครั้งครูก็พูดว่า ลูกไม่เคยมาดูแลเลย ถามไถ่เลย ซึ่งถึงแม้ว่าแม่ตายแล้ว ดิฉันก็ดูแลครูอย่างเช่นเคย จนก่อนครูมาเสียชีวิต2 เดือนได้ติดต่อลูกแท้ของครู เพื่อขอย้ายทระเบียนบ้านมาอยู่ที่บ้านลูก เพราะต้องการใช้บัตร 30 บาทและได้ใช้สิทธิที่ ร.พ.ศิริราช เนื่องจากครูเป็นมะเร็ง แต่ว่าครูก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านลูกแต่อาศัยอยู่ที่บ้านลูกน้องนักดนตรีที่ทางบ้านดิฉันเคยจ้างร้องเพลง (เมื่อก่อนบ้านดิฉันทำวงดนตรีด้วยค่ะ และดูแลนักร้องและนักดนตรีด้วยค่ะ) เพราะครูชอบดนตรีมาก เลยบอกว่าอยากอยากอยู่กับเพื่อนๆ นักดนตรีและในที่สุดครูก็เสียชีวิตลง ทำให้ดิฉันได้พบกับลูกแท้ๆ ของครูเป็นครั้งแรก แต่ในขณะนี้ลูกของครูแท้จะขอใช้สิทธิในการรับมรดก
อ้อ ครูยังไม่ได้ทำพินัยกรรมเลยค่ะ แต่ครูเคยพูดกับคนทั่วๆ ไปว่า เหมืองนี้ต่อไปก็ให้ดิฉันเป็นคนทำต่อ แต่ว่ายังไม่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรค่ะ ซึ่งบุคคลใกล้ชิดหลายคนก็รับรู้ค่ะ
ดิฉันขอเรียนถามว่า 1. จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ ที่ทางดิฉันจะได้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียวค่ะ เพราะ ทางดิฉันรู้สึกว่ากิจการเริ่มต้นได้มาจากทางบ้านดิฉันฝ่ายเดียว จะให้ลูกทางโน้นก็รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ เพราะทางบ้านดิฉันเป็นคนดำเนินการทุกอย่างเพียงฝ่ายเดียว
2.หากมีการฟ้องร้องกันทางดิฉันจะเป็นอย่างไรค่ะ เพราะทางโน้นเค้าขอใช้สิทธิในการเป็นลูกของครู
3.ถ้าฟ้องร้องกันโดยการให้ตัดสินว่าเหมืองเป็นของแม่และตกทอดมาถึงลูก ซึ่งคือพวกดิฉันจะทำได้ไหมค่ะ เพราะตลอดเวลาครูมักจะพูดว่าครูไม่มีลูกและตัดพ่อตัดลูกหมดแล้ว และที่สำคัญเงินทุกบาทก็มาจากทางแม่ดิฉัน แต่พอมาถึงตอนนี้กลับรู้สึกว่า เหมืองกำลังจะตกเป็นของคนอื่น ซึ่งไม่เคยได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการนี้เลย และทางดิฉันเองก็ไม่ได้อะไรเลย
4.หรือท่านมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมค่ะ และต้องทำอย่างไรให้สูญเสียน้อยที่สุด |