เรียน อาจารย์มีชัย
เมื่อวันที่ 17 ได้เข้ามารบกวนส่งคำถามเข้ามาแต่ยังไม่ได้คำตอบ กลัวว่าจะมีข้อผิดพลาดในการส่งข้อมูลไม่ถึงอาจารย์
เกี่ยวกับเรื่องว่าแม่มีที่ดินเป็น ภบท.5 อาศัยมานานแล้วกว่า20ปี เสียภาษีดอกหญ้ามาตลอดจนถึงปัจจุบัน อยากจะปรึกษาอาจารย์ดังนี้ เมื่อปี 2543 แม่ได้ทำสัญญา เอาที่ดินแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ตกปลา ซึ่งลูกชายคนเล็กของแม่เขาเปิดร้านค้าขายอยู่โดยทำสัญญากับเจ้าของร้านขายส่งอุปกรณ์ดังกล่าวกับร้านนี้ ต่อมา ทางร้านประสบปัญหาอย่างไรไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบว่าเจ้าของร้านกลายเป็นบุคคลล้มละลาย และมีปัญหาว่าโกงสินค้าเขามาอีกที่หนึ่ง( ซื้อมาแล้วไม่ได้จ่ายเงิน) ต้องขนของจากร้านไปเก็บไว้บ้านคนอื่น ต่อมาได้มาติดต่อขายส่งสินค้าทั้งหมดให้น้องชาย แต่น้องชายไม่มีเงินซื้อเมื่อแม่ทราบก็อยากให้ลูกได้มีสินค้ามาขายโดยยอมตกลงแลกเปลียนสินค้ากับที่ดินที่แม่อาศัยอยู่ พอถึงวันที่ทำสัญญา โดยเขามอบอำนาจให้ญาติเขาใช้ชื่อทำสัญญาแทนเพราะเขาเป็นบุคคลล้มละลาย เขาตีราคาสินค้าตอนแรกอยุ่2ล้านบาทก็ท้วงติงว่าแพงได้ลดลงเหลือ1.5 ล้านบาท กว่าจะตกลงกันได้จนแม่ก็เครียดกับสถานะการในวันนั้น ก็เลยบอกว่าหากมีปัญหามากก็ให้เขาขนสินค้ากลับไป เขาก็เข้ามากลอดแม่ ร้องให้ บอกว่าตัวเขาเป็นคนล้มละลาย ไม่มีสิทธิจได้เป็นเจ้าของที่ดินแม่ สินค้าที่ขนมาก็ได้มาโดยโกงเขาอีกที แล้วเขาก็พูดว่าเขาขอยกสินค้าทุกอย่างให้แม่หมด แต่แม่คิดไม่ทันว่าตอนนั้นสัญญาก็ควรจะฉีกทิ้ง หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน ไม่เคยได้ติดต่ออะไรมาเลย จนเมื่อต้นเดือน พ.ย.51 ทางญาติเขาได้เดินทางมาดูที่ดินที่ทำสัญญา ไว้ แต่ไม่เจอแม่ แต่พูดกับคนแถวนั้นว่า เขาซื้อที่ดินนี้แล้ว
จึงอยากถามอาจารย์ว่า
1. หากเขายังถือสัญญาตัวนั้นอยู่ เขาสามารถยึดครองที่ดินแปลงนี้ได้หรือไม่
2.หากเขาทำสัญญาหาย ถือว่าสัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
3. เขาไม่เคยได้มาเสียภาษี หลังจากทำสัญญา มา8ปี แต่เราอาศัยที่นี้มาตลอดและเป็นชื่อแม่เสียภาษีทุกปีแบบนี้ใครคือเจ้าของสิทธิในที่ดิน
4.คำพูดปากปล่าวที่เขาบอกยกของให้แม่และที่ดินก็ไม่เอา ณ วันที่ทำสัญญา โดยมีพยานรับฟังจะใช้เป็นข้อกฎหมายว่าเขาไม่มีสิทธิในที่ดินได้หรือไม่ ( หากเขายังถือสัญญานั้นอยู่ )
5.ตอนนี้แม่เครียดมากไม่ทราบว่าเราจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
1. หากเขามีสัญญาแลกเปลี่ยนอยู่ เขาก็นำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องได้
2. เมื่อมีสัญญาต่อกัน เพียงแต่หนังสือสัญญาหายไป ไม่ได้ทำให้สัญญาเป็นโมฆะหรอก เพียงแต่เขาก็ย่อมไม่มีหลักฐานไปฟ้องร้องเท่านั้น
3. บอกไม่ได้หรอกว่าใครเป็นเจ้าของที่ดิน เพราะที่ดินที่มี ภบท.5 นั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ส่วนใหญ่มักจะเป็นของรัฐ ส่วนใบ ภบท.๕ นั้นเป็น เพียงใบเสร็จรับเงินว่าได้ไปเสียภาษีบำรุงท้องที่มาเท่านั้นเอง
4.หลักฐานที่เป็นเอกสารย่อมดีกว่าคำพูดปากเปล่า
5. ก็ควรคุยกับเขาเพื่อจะได้ตกลงกัน