เรียน คุณมีชัย
รบกวนถามข้อกฏหมาย เรื่อง ที่ดินมือเปล่า ปัจจุบันปลูกบ้านอยู่บนที่ดินมือเปล่า เป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หนังสือนี้ออกปี 2519 ปลูกบ้านเมือ่ปี 2547 มีการขออนุญาติปลูกสร้างบ้านจากทางเทศบาลเรียบร้อย มีเลขที่บ้าน แต่ชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์นี้ เป็นชื่อของ พี่เขย ของคุณตา ( คุณตาทวดไม่รู้หนังสือ จึงให้ลูกเขยเป็นคนดูแลเรื่องเอกสาร ) เนื่องจากที่ดินผืนนี้เป็นมรดกจากคุณตาทวด ได้ยกให้ลูกๆ คือคุณตาและพี่น้องคุณตา มีการแบ่งกันโดยพฤตินัย กั้นรั้วเป็นสัดส่วน คุณตาได้มาส่วนหนึ่ง และได้แบ่งให้กับลูกๆของคุณตา คือคุณแม่ดิฉัน และลุง ป้า น้า รวม 9 คน ขณะนี้คุณตาเสียชีวิตแล้ว แบ่งเป็น 9 แปลง คุณแม่ดิฉันได้มา 1 แปลงทำการปลูกบ้านเพื่ออยุ่อาศัยและทำการค้าขาย มีการทำรั้วเป็นสัดส่วน ***ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นที่ผืนใหญ่ ส่วนของคุณตาเป็นเพียงบางส่วนในที่ผืนใหญ่ และ ที่ดินของคุณแม่ เป็นเพียงบางส่วนในที่ดินทั้งหมดที่คุณตายกให้ลูกๆ คำถาม คือ 1.ในส่วนที่ดินของคุณแม่ที่ปลูกบ้านอยู่นั้น ตอนนี้ถือว่าได้สิทธิครอบครองแล้วใช่หรือไม่ ตามข้อกฏหมายเรื่อง การแย่งสิทธิครอบครอง ครอบครองเกิน 1 ปี โดยเจ้าของ(พี่เขยคุณตา) ไม่ทักท้วง
2.ถ้าใช่ อยากดำเนินการให้ได้กรรมสิทธิ์ คือโฉนด ต้องทำอย่างไรบ้าง จะขอออกโฉนดเฉพาะ ที่ดินส่วนของคุณแม่ ประมาณ 200 ตารางเมตร ( ที่ผืนใหญ่ทั้งหมด 6 ไร่ 2 งาน )
3.หรือถ้าไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้ เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ซึ่งเป็นชื่อคุณแม่โดยตรง ก็ได้ ต้องทำอย่างไร พี่เขยคุณตา ปัจจุบันก็เสียชีวิตไปแล้ว ทายาทก็ติดตามตัวยากมาก ( เป็นญาติห่างๆ ) และไม่สนใจจะจัดการเรื่องให้ เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้า ถือว่าได้มีการแบ่งสรรกันเรียบร้อย ทางคุณแม่เลยเป็นห่วงว่าจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินปัจจุบัน แล้วลูกหลานจะลำบาก หากว่าทายาทของพี่เขยคุณตา เอาเอกสารไปขอออกโฉนดเอง รบกวนด้วยนะค่ะ หนูตุ่ม
เรียน หนูตุ่ม
ที่ดินที่มี นส. ๓ ไม่เรียกว่าที่ดินมือเปล่า
1. ถ้าเจ้าของที่ดินเดิมเขายกให้และได้สละการครอบครองและผู้รับได้เข้าครอบครองแล้วที่ดินนั้นก็ตกเป็นสิทธิของผู้รับแล้ว
2.-3. ก็คงต้องแจ้งผู้ถือหนังสือ นส.๓ ให้มาแบ่งแยกกัน ถ้าเขาไม่ยอมแบ่งแยกก็ต้องฟ้องศาล เม่อแบ่งแยกแล้ว ก็ไปยื่นขอออกโฉนดได้