ดิฉันเป็นโจทก์ฟ้องกรมบังคับคดี หลังจากการซื้อที่ดินจากสนง.บังคับคดีจังหวัด ตั้งแต่ปี2547 เพื่อขอยกเลิกการซื้อ ดิฉันขอยกเลิกการซื้อหลังการประมูลที่ดินภายในกำหนดเวลา 1 อาทิตย์ แต่ผอ.สนง.บังคับคดีจังหวัดฯ ให้ดิฉันผลัดผ่อน 1 เดือนเนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ ปรึกษาเสมียนศาลปกครองแนะนำให้ฟ้องกรมบังคับคดี ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง ให้ฟ้องคดีแพ่ง ดิฉันยื่นอุทธรณ์กับศาลปกครองสูงสุดตั้งแต่ปี 2548 เมื่อปี 2550 ธนาคาร(โจทก์เดิม) ติดต่อมาจะหาผู้มาซื้อ หรือให้ดิฉันซื้อไว้เอง แล้วยกเลิกการฟ้อง ดิฉันถามไปที่สนง.บังคับคดีจังหวัดฯ ผอ.บอกว่าดิฉันหมดสิทธิ์ในการซื้อแล้ว เพราะไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลา เขากำลังจะประกาศขายที่ดินแปลงนี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.นี้ก่อนหน้านี้มีหมายแจ้งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นวันที่4 พ.ย.นี้ คาดว่าอาจจะกำหนดพิพากษาเร็วๆนี้ ดิฉันขอเรียนถามอาจารย์ว่า
1.ดิฉันควรทำอย่างไรดี ดิฉันไม่อยากให้คดีความยืดเยื้อ และไม่ใคร่มีความศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ถ้ายกเลิกการฟ้องแล้วคดีความสิ้นสุดเลยหรือไม่ ดิฉันยังเป็นผู้มีสิทธิ์ในการซื้อที่ดินแปลงนี้อีกหรือไม่ จำเป็นต้องซื้อหรือไม่ ซื้อจากใคร ผู้อื่นมีสิทธิ์ซื้อหรือไม่ โจทก์ จำเลย เดิมและสนง.บังคับคดีจังหวัดเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไรคะ
2.สนง.บังคับคดีจังหวัดสามารถนำทรัพย์ที่ดิฉันซื้อแล้ว แต่อยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ขายทอดตลาดใหม่อีกครั้ง ได้ดังกล่าวอ้างหรือไม่คะ
3. ถ้าดิฉันต้องการยกเลิกการฟ้องที่ศาลปกครองสูงสุด ต้องดำเนินการอย่างไรบ้างคะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์เป็นอย่างดี ขอขอบพระคูณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
ดิฉันควรทำอย่างไรดี
1. ความจริงในชั้นแรกเมื่อศาลปกครองให้ไปฟ้องที่ศาลแพ่ง ถ้าคุณไปฟ้องที่ศาลแพ่งเสีย เรื่องก็คงเดินหน้าไปได้ แต่เมื่อเลือกที่จะอุทธรณ์ หากถอนอุทธรณ์เสีย คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นก็จะมีผล คือยกฟ้องนั่นเอง เรื่องทั้งหมดก็กลับไปสู่สถานะที่เป็นอยู่ คือ คุณประมูลได้แล้วไม่ชำระเงินภายในกำหนดเวลา ซึ่งทำให้คุณอาจไม่มีสิทธิซื้อได้อีกต่อไป และหากเขาไปประมูลใหม่ได้ราคาน้อยกว่าที่คุณเคยให้ คุณก็อาจถูกเขาฟ้องให้รับผิดในส่วนต่างนั้นได้
2. ถ้าคดีของคุณยังอยู่ในศาล เขาก็คงยังไม่ดำเนินการอย่างใด แต่เวลายิ่งเนิ่นนานไปเท่าไร ความเสียหายก็อาจเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดคุณอาจต้องรับผิดชอบก็ได้
3. ก็ไปขอถอนอุทธรณ์