ผมถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยถูกกล่าวหาว่าขาดราชการเกิน 15 วัน โดยที่ผมยังไม่ได้รับ แบบ สว.1 หรือแบบแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากที่อยู่ตามหลักฐานราชการอยู่ที่ รร.นายร้อยตำรวจ และไม่ทราบว่าคณะกรรมการได้ส่งแบบ สว.1 ไปที่ รร.นรต.หรือไม่ เนื่องจากได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ รร.นรต.แล้ว ไม่พบว่ามีการส่งมาหรือบางทีส่งมาแต่ได้กระจายไปยังตึกต่างๆไม่สามารถหาได้ ต่อมาผมได้กลับเข้าไปที่ทำงานเดิม ที่ทำงานก็อนุญาตให้เข้าทำงาน แล้วต่อมาได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมาอีก 1 ชุดในข้อกล่าวหาเดิม และคณะกรรมการชุดใหม่มิได้ดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎ ก.ตร.แต่สรุปธงว่าผมป่วย แต่ผิดระเบียบการลา และลงโทษกักขัง 30 วัน โดยเอกสารทั้งหมดผมไม่ได้เป็นคนจัดหามาเพื่อโต้แย้งแต่อย่างใด โดยได้ลงลายมือชื่อเอกสารทุกอย่างครั้งเดียวและมิได้ลงลายมือชื่อพร้อมกันต่อหน้าคณะกรรมการ แต่เซ็นชื่อต่อนายดาบตำรวจคนพิมพ์สำนวน ต่อมาทางต้นสังกัดได้สั่งลงโทษผมตามสำนวนดังกล่าว ผมจึงไปอุทธรณ์คำสั่งต่อผู้บังคับบัญชาเหนือกว่าหนึ่งระดับ โดยได้ส่งที่กองวินัยของผู้บังคับบัญชา โดยให้เหตุผลว่าผมต้องการโต้แย้งข้อเท็จจริง และการตั้งคณะกรรมการสอบสวนครั้งหลังตั้งโดยมิชอบ เมื่อเจ้าหน้าที่กองวินัยรับหนังสืออุทธรณ์ของผมไว้ ก็ได้ประทับว่า ได้รับเรื่องไว้แล้ว และมีชื่อของคนรับเรื่อง และได้ส่งสำเนาคืนมาให้ผม บอกว่าเสร็จแล้ว โดยตอนนั้นผมไม่ทันสังเกตว่า เขาไม่ได้ประทับเลขรับหนังสือให้ ประทับเพียงรับเรื่องไว้แล้วเท่านั้น ต่อมาผมได้โทรศัพท์ไปสอบถามก็ได้รับแจ้งว่าเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ จนกระทั่งครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์รวมกับเวลาที่สามารถขยายได้สองครั้ง ผมได้โทรศัพท์ไปสอบถามปรากฎว่าเจ้าหน้าที่กองวินัยไม่สามารถหาเรื่องที่ผมอุทธรณ์ได้ ผมอยากทราบว่าถ้าเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องผมขยำเรื่องทิ้งไป ลักษณะนี้ผมมีสิทธิที่จะฟ้องศาลปกครองได้หรือไม่ เพราะตอนนี้เลยเวลามาหลายเดือนแล้ว หรือผมควรดำเนินการอย่างไร เพราะกรณีขาดราชการผมมีข้อโต้แย้งและพันผิดได้
คุณก็ควรใช้สำเนาที่เขาส่งคืนมาให้พร้อมลายมือชื่อคนรับเรื่องกลับไปยืนยันว่าคุณได้อุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาแล้ว ให้เขาดำเนินเรื่องต่อไป