ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    031423 การกู้ยืมเงิน โดยเอาที่ดินจำนองโอ๋10 ตุลาคม 2551

    คำถาม
    การกู้ยืมเงิน โดยเอาที่ดินจำนอง

    สวัสดีค่ะ

    เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตอนปี 2544 ซึ่งดิฉันพึ่งได้ทราบเรื่องนี้เมื่อประมาณ 3 เดือน กว่า ๆ เองค่ะ เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่อยากให้ที่ต้องหลุดไป และก้อไม่มีเงินพอที่จะจ่ายให้ (เจ้าหนี้ให้คืนเงินจำนวน  500,000 บาท (ต้น+ดอก) ภายในสิ้นปี 51 นี้) ตอนนี้พ่อให้ดิฉันจัดการเอง เพราะเค้าปล่อยเรื่องนี้แล้ว แต่ดินฉันเสียดายที่ค่ะ   เรื่องมีดังนี้ 

     (อันที่จริงนั้นพ่อของดิฉันไม่ได้เป็นคนที่ต้องการใช้เงิน แต่ลุงของดิฉันต้องการใช้เงิน เลยขอให้พ่อช่วย  และก้อไม่ยอมส่งดอกเบี้ยค่ะ พ่อก้อพึ่งทราบไม่นานนี้เองว่าลุงไม่ส่งดอก แต่ทางลุงบอกว่าจะจัดการเอง แต่ในตอนนี้เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก้อยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ลุงก้อคงไม่มีเงินค่ะ ลุงเลยให้ดิฉันรับรู้ และโยนหนี้ให้ดิฉันทั้งหมด  ดิฉันกลุ้มใจมากค่ะ แต่ลุงไม่ต้องการให้มีการฟ้องร้องกันเพราะเค้าเป็นคนค้ำประกันด้วย  และเค้าก้อเป็นคนมีหน้ามีตาในแถวนั้น  (ฉะเชิงเทรา)

    พ่อของดิฉันได้ไปกู้เงินจำนวน 200,000บาท โดยทำสัญญาเงินกู้  แต่ไม่ได้ระบุดอกเบี้ย  โดยเอาที่ดินไปจดจำนองไว้จำนวน  3 ไร่ กว่า  เมื่อ กพ. ปี 44 โดยต้องให้ดอกเบี้ยปีแรก 72,000บาท  (แต่ในสัญญาเงินกู้เขียนเงินต้นไว้  272,000 บาท  ( ซึ่งได้รับเงินจริง 200,000 บาท) และในปี 45 ถ้านำดอกจำนวน 72,000 มาชำระ ทางผู้ให้กู้จะเปลี่ยนสัญญาใหม่ให้ในปี  45  เป็นยอด 260,000 บาท

    และ ในปี  45 พ่อดิฉันได้นำเงินดอกเบี้ยไปชำระ  จำนวน 72,000 บาท และได้ทำสัญญาใหม่เป็นยอดเงิน 260,000 บาท (ดิฉันได้ขอเอกสารการกู้ฉบับใหม่ไปยังผู้กู้ แต่ทางโน้นแจ้งว่า ทำไว้ฉบับเดียว เลยถ่ายสำเนาให้ดิฉัน )

    หลังจาก กพ.45 ก้อไม่ได้มีการชำระดอกเบี้ยต่อ  ซึ่งขณะนี้ทางผุ้ให้กู้แจ้งมาว่าให้ชำระภายในสิ้นปีนี้

    ดิฉันจะขอถามดังนี้ค่ะ

    1. ถ้าดิฉันปล่อยให้ทางโน้นฟ้องขึ้นศาล ดิฉันสามารถที่จะขอให้ศาลตัดสินให้ดิฉันผ่อนจ่าย ๆ เป็นงวด ๆ ได้มั้ยค่ะ  ดิฉันไม่มีเจตนาที่จะไม่จ่าย แต่ถ้าเป็นเงินก้อนขนาดนั้นคงไม่มีจริง ๆ 

    2. ที่ของดิฉันจะถูกยึดได้มั้ยค่ะ

    3.คุณพอจะแนะนำดิฉันได้มั้ยค่ะ  ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ในเรื่องนี้

    รบกวนคุณช่วยตอบให้กับดิฉันหน่อยนะค่ะ  จักเป็นพระคุณยิ่ง

    คำตอบ

    1. ศาลไม่มีอำนาจตัดสินให้คุณผ่อนส่งได้หรอก หากได้ความว่าเป็นหนี้เขาจริง ศาลก็ต้องตัดสินให้ลูกหนี้และผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้น ส่วนจะผ่อนส่งกันอย่างไรก็เป็นเรื่องเจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องไปตกลงกันเอง

    2. ถ้าไม่ชำระหนี้เขาเขาก็คงเอาออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้

    3. ถ้าที่ดินนั้นมีราคาสูงกว่าไร่ละ 200,000 บาท ก็ลองประกาศขายที่ดินนั้นเสียสักไร่ครึ่งในราคาถูก ๆ ที่พอจะชำระหนี้ได้ แล้วเอาเงินนั้นไปชำระหนี้ไถ่จำนองเสีย  ข้อสำคัญเวลาได้เงินมาแล้วจะไปใช้หนี้เขานั้น ต้องไปชำระหนี้โดยยื่นหมูยื่นแมวที่สำนักงานที่ดิน คือ คุณจ่ายเงินเขา และเขาปลดจำนองจำนองให้คุณ


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    10 ตุลาคม 2551