ดิฉันผู้ขาย ได้ทำสัญญาขายบ้านพร้อมที่ดิน เมื่อถึงกำหนดโอน ได้แจ้งให้ผู้ซื้อทราบทางโทรศัพท์ 1 เดือนผ่านไปผู้ซื้อมาตรวจบ้าน ดิฉันได้ขอเอกสารเพื่อประสานงานการกู้ธนาคารให้ ทางผู้ซื้อแจ้งว่าจะขอกู้เอง จากนั้นอีกประมาณเดือนกว่า ได้โทรติดตามเพราะเลยกำหนดโอนแล้ว แต่ผู้ซื้อกลับแจ้งว่าขอยกเลิกและขอเงินดาวน์คืน เนื่องจากคู่สมรสย้ายที่ทำงาน แต่ทางผู้ขายแจ้งว่าไม่สามารถคืนได้ เนื่องจากผิดข้อสัญญา 1.เงินดาวน์ยังชำระไม่ครบตามสัญญา 2.เลยกำหนดวันโอน 3.เสียโอกาสการขาย ทางผู้ซื้อได้โวยวาย และด่าทอแบบหยาบคาย จากนั้นผู้ขายได้ส่งจดหมายขอนัดวันโอน แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากผู้ซื้อแต่อย่างใด อีกทั้งไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ จึงส่งจดหมายลงทะเบียนบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำไปทางผู้ซื้อ แต่ไม่มีการตอบกลับหรือโต้แย้ง จากนั้นก็ไม่มีการติดต่อกันอีก จนเวลาผ่านไปประมาณปีเศษ มีจดหมายจาก ส.ค.บ.ให้เข้าประชุมเพื่อไกล่เกลี่ย ผู้ขายได้เข้าประชุมชี้แจงและแสดงหลักฐาน แต่ทาง สคบ ก็ขอให้จ่ายเงินคืนให้ผู้ซื้อ 50% เพื่อยุติ แต่ถ้าไม่ยอมก็จะส่งเรื่องเพื่อฟ้องร้องต่อไป
เรียนถามอาจารย์ดังนี้
1.หนังสือบอกเลิกสัญญา ไม่มีผลทางกฏหมายหรือคะ
2.ดิฉันผิดหรือคะ สคบ ถึงไกล่เกลี่ยให้คืนเงิน
2.สคบ ให้ทำจดหมายแจ้งผลการตัดสินใจกับผู้ว่าราชการจังหวัด ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ ถ้าไม่คืน ก็ต้องถูกฟ้องใช่ไหมคะ จำนวนเงินหลักหมื่น ต้องเสียเวลา และค่าทนายอีก เกรงว่าจะไม่คุ้ม
3.มีวิธีการอื่นอย่างไรบ้างคะ ขอคำแนะนำค่ะ
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
1. ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่เล่ามา การบอกเลิกสัญญานั้นก็มีผลแล้ว
2. การไกล่เกลี่ย คือการประนีประนอมกัน ในเวลาที่ประนีประนอมนั้น เขาไม่ได้มองว่าใครผิดใครถูกนัก หากแต่ให้ลดลาวาศอกกันเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างพอรับกันได้ การที่เขาให้คุณคืนเงินมัดจำครึ่งหนึ่งน่ะ แปลว่าคุณเป็นฝ่ายถูก มิฉะนั้น คุณจะไม่มีสิทธิได้เงินมัดจำเลย
3. ถ้าไม่อยากเป็นความกันให้ยืดเยื้อ เสียเงิน เสียเวลา ถ้าคิดว่าการได้รับเงินมัดจำครึ่งหนึ่งเป็นการเพียงพอแล้ว ก็ควรรับข้อไกล่เกลี่ยนั้น