สามีกู้ธนาคารออมสินโดยเอาบ้านพร้อมที่ดินซึ่งเป็นชื่อภรรยาค้ำประกัน (ที่ดิน เป็นที่พ่อของฝ่ายหญิงยกให้แต่ทำเป็นซื้อขายกับพ่อ ซึ่งทางสนง.ที่ดินให้เหตุผลว่าหากยกให้ มีโอกาสจะเอาคืนได้ + บ้าน ส่วนหนึ่งพ่อของฝ่ายหญิงก็ช่วยส่วนช่วย) ต่อมาแยกทางกันกับสามี 

1. ต้องการขายเฉพาะบ้านซึ่งติดธนาคารจะได้ไหมคะ แล้วจะมีความผิดอะไรหรือเปล่า   

2. หากขายไม่ได้จะย้ายบ้านไปปลุกสร้างที่อื่น (ต่างอำเภอ) ได้หรือไม่ จะต้องมีเงื่อนไขปลุกมาแล้วกี่ปี

3. สามารถถอนหลักทรัพย์ค้ำประกัน(บ้านพร้อมที่ดิน) ก่อนได้หรือไม่คะ หากยังไม่ครบกำหนด

3.ตอนเลิกกันไม่ได้ระบุความรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้น เพราะเป็นหนี้ที่กู้ธนาคาร ซึ่งเขากู้มาใช้จ่ายส่วนตัว ดิฉันต้องร่วมรับผิดด้วยหรือไม่คะ ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ (เป็นหนี้ที่เกิดระหว่างสมรส แต่ดิฉันไม่ทราบมาก่อน) เพราะก่อนที่จะเลิกกันได้ร่วมใช้หนี้ให้แล้วส่วนหนึ่ง

4.ตอนเลิกกันเหตุเนื่องสามีมีผู้หญิงอื่น และมีหนี้สินการพนัน แต่ก็ยอมเลิกกันโดยดีหากฝ่ายชายต้องการให้เราช่วยเหลือเรื่องหนี้สินโดยอ้างว่าเป็นหนี้ในระหว่างสมรส ฝ่ายหญิงสามารถยกเหตุที่ฝ่ายชายมีหญิงอื่นได้หรือไม่คะ

5. หากฝ่ายชายไม่ยอมชำระหนี้ธนาคาร (ติดตามกับผู้ค้ำประกันก็ไม่ได้) ฝ่ายชายรับราชการทหาร ฝ่ายหญิงสามารถเข้าหาผู้บังคับบัญชาเพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ยหนี้สินให้ได้หรือไม่คะ

ยังไงหนูรบกวน อ.มีชัย ช่วยตอบด้วยนะคะ หนูไม่รู้จะไปปรึกษาใคร มืดไปหมด ขอขอบพระคุณ อ.มีชัยไว้ ณ ที่นี้คะ 

1. อันที่จริงที่ดินนั้น ถ้าพ่อยกให้ และช่วยสร้างบ้านให้ บ้านและที่ดินนั้นก็ควรเป็นสินส่วนตัว โดยสามีไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องด้วย แต่เมื่อไปทำเป็นการซื้อขาย จึงกลายเป็นทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมรส และเป็นสินสมรส ซึ่งสามีมีสิทธิอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง การจะขายจึงต้องได้รับความยินยอมจากเขาด้วย นี่แหละ เขาถึงว่าในการทำอะไรนั้น ถ้าทำตรงไปตรงมาไว้ก่อนจะเป็นการดี  เมื่อไม่รู้กฎหมายแล้วยังจะทำอะไรที่หลบเลี่ยงกฎหมายก็มักจะเป็นผลร้ายอย่างนี้แหละ

2.ไม่เข้าใจคำถามว่ากำลังจะเลี่ยงกฎหมายข้อไหนอีก

3. ถ้าเป็นหนี้ส่วนตัว คณก็ไม่ต้องรับผิดชอบ

4. เป็นคนละเรื่องกัน

5. ถ้าหนี้นั้นเป็นหนี้ของเขา (อยู่ในชื่อของเขา) ก็ไม่มีเหตุอะไรที่คุณจะต้องไปไกล่เกลี่ย เพราะเจ้าหนี้เขาก็ติดตามทวงถามเอาจากลูกหนี้เอง