คือบุตรชายของข้าพเจ้าได้ไปลักของในห้าง แต่ยังไม่มีใครมาจับแต่อย่างใด และบุตรของข้าพเจ้าได้สำนึกผิดจีงได้ส่งของคืนให้กับทางห้างโยทางไปรษณีไม่ระบุผู้ส่ง และได้โทรแจ้งไปยังห้างขอชดใช้ค่าเสียหายและยอมรับผิดแต่ไม่ได้แจ้งที่อยู่หรือชื่อแต่อย่างใด และทางห้างได้ชื่นชมมาในความสำนึกผิดและบอกว่าคงไม่เอาเรื่องและได้ตักเตือนมา จึงอยากเรียนถามว่า
1.หากทางห้างได้แจ้งตำรวจไปแล้วและทางห้างจะไม่เอาเรื่อง และมีการตกลงคืนของโดยที่ยังไม่มีหมายจับหรือมีการจับกุมแต่อย่างใด จะด้วยเหตุที่ยังสืบไม่พบตัวคนกระทำผิด แต่หากตำรวจสืบเจอหลังจากนี้สามารถมองคดีว่าเป็นคดีที่ไม่ใช่คดีลักทรัพย์ได้หรือไม่ เพราะมีการเจรจาตกลงและทางห้างก็ไม่ได้ตามเรื่องแล้ว ก่อนที่ตำรวจจะทำการจับกุม ของกลางก็ตกไปอยู่ในมือของเจ้าของเดิมแล้ว
2.คดีมีอายุความ10 ปีเริ่มนับจากตรงไหนหากตำรวจสืบหาตัวคนร้ายไม่เจอคือยังไม่รู้ว่าเป็นใครหรือยังไม่มีหลักฐานเพียงพอจึงไม่สามารถอนุมัติหมายจับจากศาลได้ แล้วต่อมาก็รู้ตัวคนร้ายเมื่อเวลาผ่านไป9ปีกับอีก11 เดือน แล้วจึงขอหมายจับ ข้าพเจ้าขอถามว่าคดีนี้จะเริ่มนับอายุความจากตรงนี้เลยหรือเริ่มจากตรงไหนแบบว่าอยากทราบจริงๆ
3.หากตำรวจยังไม่ทราบตัวว่าใครเป็นคนร้ายแล้วคนร้ายสามารถออกนอกประเทศได้หรือไม่.
4.ในบางคดีที่อาจารย์พิจารณาตอบแล้วผมได้อ่านเจอหัวข้อหนึ่งที่ว่า เพื่อนลักสร้อยลูกบัตรพระเลี่ยมทองจากร้านขายของเก่าของเพื่อนไปขาย แล้วเขาไม่ยอมรับจึงไปแจ้งความแล้วกลับมาค้นที่บ้านเจอของกลางคือลูกปัดโบราณแต่พระกับสร้อยขายไปแล้ว จึงได้เจรจาผ่อนชำระเป็นงวดๆแล้วอาจารย์ก็ตอบว่าตำรวจอาจมองเป็นคดีที่ไม่ใช่คดีลักทรัพย์มีอายุความ3 เดือน แต่ว่าคดีนี้มันลักทรัพย์เห็นๆแต่ทำไมยอมความกันได้ไม่ใช่คดีอาญาที่ยอมความกันไม่ได้ล่ะครับอาจารย์
1. ถ้าผู้เสียหายเขาไม่เอาเรื่อง ตำรวจก็คงไม่ไปดำเนินการอะไรหรอก เพราะเขามีเรื่องอื่นต้องทำมากมาย
2. เริ่มนับแต่วันที่กระทำความผิด
3. ก็เมื่อไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนร้าย แล้วจะไปห้ามใครได้เล่า
4. ไม่ใช่เรื่องของการยอมความ แต่เป็นเรื่องของการไม่เอาเรื่อง เพราะคดีอาญานั้น ต้องมีผู้ไปแจ้งความ หรือกล่าวโทษ ถ้าไม่มีใครไปแจ้งความหรือกล่าวโทษ ตำรวจก็ไม่รู้จะทำอย่างไร