เนื่องด้วยผมให้เพื่อนยืมชื่อไปลงหุ้นเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.แห่งหนึ่ง เพื่อขอรับงานก่อสร้างจากบ.อสังหาฯใหญ่แห่งหนึง เพราะผมรู้จักกับผู้ใหญ่ในนั้น

แต่ต่อมา หจก.โดนฟ้องเรื่องเช็คค้ำประกันค่าสินค้าของงานอีกที่หนึ่ง เนื่องจากลูกค้าผิดนัดไม่ชำระค่าจ้าง จึงไม่มีเงินไปชำระค่าสินค้า ทางร้านค้าจึงได้ยื่นฟ้องแพ่ง หจก.และหุ้นส่วนผู้จัดการทั้งหมด3คน โดยได้มีหมายศาลมาที่ออฟฟิศ

ซึ่งหลังจากพาเพื่อนไปรับงานผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินงานของหจก.นั้นเลย แต่มาทราบหลังจากถูกยื่นฟ้องว่าถ้าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบไม่จำกัดจำนวน จึงเกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากผมมีแผนจะต้องกู้เงินส่วนตัวเพื่อซ่อมแซมบ้านที่พักอาศัย จึงขอรบกวนถามดังนี้ครับ

1.ถ้าฝ่ายหจก.ไปที่ศาลเพื่อขอไกล่เกลี่ยกับโจทก์แล้ว เท่ากับรับสภาพหนี้ หุ้นส่วนผู้จัดการก็ต้องรับสภาพหนี้ด้วยใช่หรือไม่ครับ

2.ถ้าหจก.ยอมรับสภาพหนี้แล้ว ตรงนี้ก็จะเข้าเครดิตบูโร ทำให้ผมต้องมีภาระหนี้ร่วกับหจก.อาจจะกู้เงินไม่ผ่านใช่ไหมครับ

3.ฝ่ายหจก.สามารถไปเจรจาให้ถอนฟ้องเฉพาะตัวผมได้หรือไม่ครับ

4.ต่อจากข้อ3. ถ้าทางโจทก์ยอมถอนฟ้องเฉพาะตัวผม เขาต้องยื่นฟ้องใหม่หรือไม่ครับ เพราะคำฟ้องเดิมศาลรับฟ้องไว้แล้ว และถ้าผมลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ตอนนี้ก็ยังต้องรับภาระหนี้ใช่ไหมครับ

5. ถ้าโจทก์ยอมถอนฟ้องและยื่นฟ้องใหม่เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องจริง แล้วผมลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นทางเดียวที่จะทำให้ผมไม่ต้องรับภาระหนี้ใช่ไหมครับ

ลำบากใจครับ เพราะทราบมาว่างานที่หจก.ไปรับเป็นของวัดแห่งหนึ่ง ทางโจทก์ก็รู้แต่ก็ต้องฟ้อง  ก็ได้แต่ภาวนาให้เขายอมถอนฟ้องผม เพราะผมไม่มีปัญญาจะไปใช้หนี้แน่นอน หากเกิดกรณีเลวร้ายที่สุดคือเพื่อนไม่รับผิดชอบ

ขอบคุณครับ

1. เมื่อการประนอมหนี้นั้นทำในฐานะของห้างฯ ก็ย่อมผูกพันห้างฯ และผูกพันหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย

2. ชื่อคุณก็คงปรากฏอยู่ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวด้วย

3. ทำได้ไม่มีอะไรห้าม แต่จะมีใครเขายอมล่ะ

4. ไม่จำเป็นต้องถอนฟ้องทั้งหมด ก็เพียงแต่ถอนฟ้องส่วนของคุณ แต่แม้คุณจะลาออก ถ้าหนี้นั้นเกิดขึ้นในขณะที่คุณยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ คุณก็ยังต้องรับผิดชอบร่วมด้วยอยู่นั่นเอง

5. ก็ยังเหมือนกับข้อ 4

    ถ้าคุณลงได้ทำอะไรง่าย ๆ ถึงขนาดยอมให้คนยืมชื่อไปร่วมรับผิดชอบในห้างหุ้นส่วนด้วย จะทำอะไรในวันข้างหน้าก็น่ากลัวอันตรายไม่น้อย